โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ชื่อผู้สนับสนุน
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

3 พฤติกรรมเสี่ยงทำลายสุขภาพคุณโดยไม่รู้ตัว ตรวจสุขภาพส่งท้ายปี เช็กก่อน รู้ก่อน

คุณกำลังใช้ชีวิตแบบที่ทำลายสุขภาพอยู่หรือเปล่า รีบเช็กตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนตัดสินใจตรวจสุขภาพรับปีใหม่
เผยแพร่ครั้งแรก 26 พ.ย. 2021 อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 2021 เวลาอ่านประมาณ 6 นาที
3 พฤติกรรมเสี่ยงทำลายสุขภาพคุณโดยไม่รู้ตัว ตรวจสุขภาพส่งท้ายปี เช็กก่อน รู้ก่อน

รู้ไหม? ร่างกายของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ทั้งในแง่ดี เช่น ระบบร่างกายแข็งแรงขึ้น ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดียิ่งขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงในแง่ร้าย เช่น อวัยวะหรือระบบร่างกายเริ่มเสื่อมลง หรือมีความผิดปกติเกิดขึ้น นำไปสู่อาการเจ็บป่วยหรือโรคร้ายแรงตามมา

โดยเฉพาะปัจจุบันที่มีปัจจัยเสริมมากมาย ซึ่งอาจกระตุ้นให้ร่างกายเกิดความผิดปกติได้ ไม่ว่าจะเป็น สภาพแวดล้อมที่ไม่ดี มลภาวะ สารพิษหรือสารเคมีที่ปนเปื้อนอยู่รอบตัว เชื้อโรค เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียต่างๆ และอีกปัจจัยสำคัญคือ พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตัวเราเอง ซึ่งนับเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่างสุขภาพของเราค่อนข้างมาก

นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่เราควรตรวจสุขภาพทุกปี เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หากพบสัญญาณความผิดปกติใดๆ จะได้รีบป้องกันก่อนเกิดอาการร้ายแรง หรือวางแผนรักษาได้ทันท่วงที

3 พฤติกรรมเคยชินที่มีแต่ทำลายความแข็งแรงของสุขภาพ

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า พฤติกรรมใดที่ส่งผลทำให้ร่างกายของเราทรุดโทรมลงบ้าง HD.co.th ร่วมกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ขอยกตัวอย่าง 3 พฤติกรรม ที่หลายคนทำเป็นประจำ โดยอาจไม่รู้ว่ากำลังทำลายสุขภาพของตัวเองอยู่โดยไม่รู้ตัว และเนื่องในเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ อาจใช้โอกาสพิเศษนี้เป็นแรงกระตุ้นให้คุณหันมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นจากการตรวจสุขภาพส่งท้ายปี

1. นอนหลับพักผ่อนน้อย

การนอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำงานโต้รุ่ง หรือไม่นอนเลย เป็นอีกพฤติกรรมที่หลายคนทำเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเพราะงานหนัก ความเครียด หรือมีธุระจำเป็น ซึ่งหลายคนคิดว่าคงไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงมากนัก แต่ความจริงแล้วพฤติกรรมนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพค่อนข้างมาก

เพราะระหว่างที่เรานอนหลับ ร่างกายจะเริ่มกลไกการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอหรือเสียหาย และเป็นเวลาที่ฮอร์โมนการเจริญเติบโตหรือโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone: GH) หลั่งออกมาเพื่อเสริมความแข็งแรงและฟื้นฟูระบบที่บกพร่อง ให้กลับมาทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นหากไม่พักผ่อน หรือพักผ่อนน้อย กลไกเหล่านี้ก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ กระดูก ผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง ความคิดสร้างสรรค์และภาวะอารมณ์ที่ไม่แปรปรวนง่าย รวมถึงพละกำลังในการออกแรงทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างวัน ล้วนเกิดจากการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอทั้งสิ้น

ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่คุณนอนไม่พอหรือนอนน้อย อาการเจ็บป่วยต่างๆ ก็จะตามมา ซึ่งในระยะเริ่มต้นอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น อ่อนล้า ไม่สดชื่น ไม่มีแรง อารมณ์แปรปรวนง่าย ไม่มีสมาธิ แต่หากไม่รีบปรับพฤติกรรม ก็อาจนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงมากขึ้น เช่น

  • โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์ เคยสังเกตไหมว่า เมื่อเรานอนดึกขึ้น หรือนอนผิดเวลา ร่างกายจะรู้สึกหิว เหนื่อยล้า ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง จนต้องหาของจุบจิบมารับประทาน ซึ่งบางครั้งอาจเกินความต้องการของร่างกาย กลายเป็นไขมันสะสมจนเกิดโรคอ้วนได้ นอกจากนี้การนอนดึกยังกระทบต่อกระบวนการผลิตอินซูลิน (Insulin) ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และอาจทำให้เป็นโรคเบาหวานได้

  • โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หัวใจเป็นอีกอวัยวะที่ต้องการช่วงเวลาพักผ่อนเช่นกัน จากงานวิจัยระบุว่า ขณะที่เราตื่น จะมีสารโปรตีนชนิดหนึ่งเข้าไปสะสมในหัวใจ และจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเรานอนหลับ แต่หากเราพักผ่อนไม่เพียงพอ สารโปรตีนชนิดนั้นก็จะสะสมมากขึ้นและส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจอุดตันได้

  • ภูมิคุ้มกันต่ำ เมื่อร่างกายอ่อนล้ามาก จนระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอตามไปด้วย ซึ่งส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถต้านทานต่อเชื้อโรคต่างๆ ได้ ทำให้ป่วยง่ายขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่เมื่อร่างกายเกิดอาการเจ็บป่วยใดๆ ขึ้น แพทย์ก็มักแนะนำให้นอนพักผ่อนมากๆ เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กลับมาตอบสนองได้ดีอีกครั้ง

  • โรคซึมเศร้า ภาวะทางจิตเวชอื่นๆ เพราะทุกภาวะอารมณ์ที่เราแสดงออกเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองและสารสื่อประสาทสำคัญหลายชนิด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ก็สามารถทำงานผิดปกติหรือแปรปรวนได้ หากร่างกายอ่อนล้ามาก และไม่มีช่วงหยุดพักเลย หากลองสังเกตจะพบว่า คนที่น้อยหรือนอนไม่พอ มักจะมีอารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียวง่ายสมาธิสั้น หลงๆ ลืมๆ ได้บ่อยอีกด้วย

2. กินตามใจปาก

การรับประทานอาหารที่ชื่นชอบเป็นทางออกสำหรับการบำบัดความเครียด พร้อมสร้างความสุขให้หลายๆ คน แต่การกินอาหารตามใจตนเองบ่อยๆ ก็ส่งผลเสียต่อตัวเองได้เช่นกัน

โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือไขมันสูง เช่น เบเกอรี ฟาสต์ฟู้ด ไอศกรีม อาหารปิ้งย่าง หรือเครื่องดื่มประเภทชานมไข่มุก หากรับประทานบ่อยๆ ก็เสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานได้ ทั้งนี้อาหารประเภทที่กล่าวมา ส่วนใหญ่มักมีคุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างต่ำ หากรับประทานซ้้ำๆ โดยไม่รับประทานอาหารที่หลากหลาย อาจเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหาร ทำให้เกิดอาการดังนี้

  • ไม่มีเรี่ยวแรง ออกกำลังกายแล้วต้องพักนาน หรือฟื้นตัวช้า เกิดจากการขาดโปรตีน
  • เลือดออกตามไรฟัน ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่งหรือหยาบกระด้าง เกิดจากการขาดวิตามินซี
  • กระดูกไม่แข็งแรง ออกกำลังกายได้อย่างมีข้อจำกัด เกิดจากการขาดวิตามินดี
  • เป็นตะคริว กล้ามเนื้อกระตุกบ่อย เกิดจากการขาดธาตุโพแทสเซียม
  • เป็นแผลแล้วเลือดหยุดยาก เลือดกำเดาไหลง่าย มีแผลฟกช้ำแล้วหายช้า เกิดจากการขาดวิตามินเค
  • ผมขาดง่าย ผมร่วง หรือสุขภาพผมไม่แข็งแรง เกิดจากการขาดธาตุสังกะสี

นอกจากนี้พฤติกรรมการรับประทานที่ไม่เหมาะสม เช่น รับประทานอาหารแล้วนอนทันที อาจนำไปสู่การเกิดโรคกรดไหลย้อน หรือการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ส่งผลให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ หากไม่รีบรักษาอาการอาจรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้

3. ดื่มน้ำน้อยเกินไป

การดื่มน้ำดูเหมือนเป็นเรื่องที่ง่าย แต่หลายคนมักละเลย เพราะคิดว่าคงร่างกายคงได้รับน้ำเพียงพอ หรือบางคนอาจคิดว่าการดื่มชา กาแฟ สามารถทดแทนได้ แต่จริงๆ แล้ว ไม่สามารถทดแทนได้ และหากร่างกายขาดน้ำอาจส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ ตามมาได้ เช่น

  • สมองเสื่อม เพราะหากร่างกายขาดน้ำ เลือดในร่างกายจะข้นหนืดมากขึ้น ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมทั้งสมองได้ยากขึ้น จึงเป็นเหตุให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอจนเกิดภาวะสมองเสื่อม
  • ริดสีดวงทวาร การดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ยากขึ้น อุจจาระแห้ง แข็ง เกิดอาการท้องผูก และตามมาด้วยโรคริดสีดวงทวาร
  • เสี่ยงโรคไต ทางเดินปัสสาวะอักเสบ-กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หากดื่มน้ำน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไตของเราจะทำงานหนักขึ้น ปัสสาวะมีสีเข้ม จนมีโอกาสเกิดโรคนิ่ว โรคไต หรือทางเดินปัสสาวะอักเสบตามมา
  • ปวดข้อ และกระดูก เนื่องจากกระดูกและข้อ ประกอบด้วยน้ำถึง 80% ดังนั้นหากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้น้ำในข้อและกระดูกแห้งลง จนดูดซับแรงกระแทกได้ไม่ดี ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่กล่าวมา แต่ถ้าคนในครอบครัวมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการป่วยด้วยโรคร้ายแรงมาก่อน เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคหัวใจและโรคอัลไซเมอร์ คุณก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคเหล่านั้นเช่นกัน เพราะโรคอาจถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมได้

ดังนั้นการตรวจสุขภาพประจำปีจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยส่วนใหญ่มักนิยมตรวจสุขภาพในช่วงปลายปี เพื่อตรวจดูว่าตลอดทั้งปี ร่างกายของคุณมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพื่อจะได้วางแผนปรับพฤติกรรมใหม่เหมาะสม

อีกเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ก็จะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จึงมีข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพส่งท้ายปี เพื่อเช็กร่างกายให้พร้อมรับปีใหม่

โปรโมชั่นตรวจสุขภาพพร้อมจองวัคซีนโมเดอร์นาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ รับส่วนลดสูงสุด 30%

สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจเช็กความแข็งแรงของสุขภาพแบบองค์รวมก่อนสิ้นปี และเสริมความปลอดภัยให้ร่างกายด้วยวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้จัดแพ็กเกจตรวจสุขภาพพร้อมจองวัคซีนยี่ห้อโมเดอร์นา (Moderna) 1 เข็ม ในราคาที่ถูกกว่าถึง 30% โดยแพ็กเกจตรวจสุขภาพพร้อมรับวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็มจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

1. แพ็กเกจตรวจสุขภาพ Comprehensive Program

แพ็กเกจตรวจสุขภาพแบบครอบคลุมทั้งหมด เช่น ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ระดับน้ำตาลสะสมและคอเลสเตอรอลในเลือด ตรวจการทำงานของตับ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องทั้งหมด ตรวจภายใน ตรวจความเสี่ยงมะเร็งตับ มะเร็งในทางอาหาร มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งรังไข่ แบ่งออกได้ 3 แพ็กเกจ ได้แก่

  • แพ็กเกจตรวจสุขภาพ Comprehensive Program สำหรับผู้ชาย และรับวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็ม ราคา 18,900 บาท จากราคาตรวจสุขภาพเต็ม 24,760 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่
  • แพ็กเกจตรวจสุขภาพ Comprehensive Program สำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 40 ปี และรับวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็ม ราคา 16,900 บาท จากราคาตรวจสุขภาพเต็ม 21,910 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่
  • แพ็กเกจตรวจสุขภาพ Comprehensive Program สำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป และรับวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็ม ราคา 21,300 บาท จากราคาตรวจสุขภาพเต็ม 28,070 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่

2. แพ็กเกจตรวจสุขภาพ Vitality Comprehensive Program

แพ็กเกจตรวจสุขภาพแบบองค์รวมพร้อมการตรวจเชิงรุก เพื่อทราบอายุที่แท้จริงของร่างกายและรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันก่อนเกิดโรค โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) แบ่งออกได้ 3 แพ็กเกจ ได้แก่

  • แพ็กเกจตรวจสุขภาพ Vitality Comprehensive Program สำหรับผู้ชาย และรับวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็ม ราคา 38,500 บาท จากราคาตรวจสุขภาพเต็ม 52,760 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่
  • แพ็กเกจตรวจสุขภาพ Vitality Comprehensive Program สำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 40 ปี และรับวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็ม ราคา 36,500 บาท จากราคาตรวจสุขภาพเต็ม 49,910 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่
  • แพ็กเกจตรวจสุขภาพ Vitality Comprehensive Program สำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป และรับวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็ม ราคา 40,9000 บาท จากราคาตรวจสุขภาพเต็ม 56,070 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลินิกที่นี่

สำหรับวัคซีนโมเดอร์นาที่จะฉีดให้กับผู้เข้ารับบริการเป็นวัคซีนล็อตที่คาดว่า จะนำส่งถึงประเทศไทยภายใน Q1-Q2 ของปี 2565 ซึ่งหากชำระเงินเรียบร้อยแล้วทางโรงพยาบาลไม่สามารถจัดหาวัคซีนได้ตามกำหนด จะมีการคืนเงินส่วนต่างในส่วนของค่าวัคซีนให้กับผู้เข้ารับบริการทุกท่านในมูลค่าเข็มละ 1,650 บาท

อย่ามองข้ามการตรวจสุขภาพหรือคิดว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญหรือเป็นเรื่องที่รอได้ เพราะการตรวจสุขภาพคือวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้เราได้รู้ทันทุกความเสื่อมและความผิดปกติภายในร่างกาย โดยยิ่งตรวจพบความผิดปกติเร็วเท่าไร โอกาสที่จะรักษาหายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงด้วยการเปลี่ยนความคิดใหม่ ปรับพฤติกรรมใหม่ รักสุขภาพมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ทุกๆ ปีใหม่ที่เวียนผ่านเข้ามา มีแต่ความสุขและความแข็งแรง

เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปยังช่วงที่ร่างกายยังแข็งแรงได้อีกครั้ง ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องรีบดูแลตนเองตั้งแต่วันนี้อย่างรัดกุมและรอบคอบ ผ่านการตรวจสุขภาพกับแพทย์จากโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศไทยอย่างโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, ซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพ ลด30% ทันที เมื่อจองพร้อมวัคซีนโมเดอร์นา (https://www.bumrungrad.com/th/blog-news/health-check-up-moderna-vaccine), 22 พฤศจิกายน 2564.
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, 5 วิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายไม่ควรขาด (https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/november-2019/5-vitamins-minerals), 22 พฤศจิกายน 2564.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)