สวัสดีค่ะคุณหมอ หนูมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังจากมีเพศสัมพันธ์(ใส่ถุงยางอนามัย) อาจจะเป็นครั้งแรกที่เข้าไปลึก แล้วมีเลือดออก ครั้งแรกเลือดเป็นสีแดงสด จึงหยุด แล้วพอตอนเย็นก็มีอาการคันมาก เลยซื้อยาโครไทมาโซลมาทา และอาการคันก็หายไป แต่อาการเลือดออกยังมีอยู่ซึ่งเป็นสีน้ำตาลลักษณะเป็นลิ่ม(ตามรูปที่แนบมา) ตลอดวัน พอเปื้อนกางเกงใน(ตามรูปที่แนบมา) แต่พอใช้ทิชชูเช็ดหลังปัสสาวะ มีสีแดงจางๆปนมาบ้าง (ตามรูปที่แนบมา) เป็นแบบนี้ตั้งแต่หลังมีเพศสัมพันธ์จนถึงวันนี้เป็นวันที่ 3 จึงไม่แน่ใจว่าเป็นประจำเดือนที่มาผิดปกติ หรือ เลือดประจำเดือนที่ค้างอยู่หลังจากเยื่อพรหมจรรย์ขาด หรือ ช่องคลอดอักเสบขนาดต้องไปโรงพยาบาลหรือเปล่าคะ ขอบคุณค่ะ ปล.ตอนนี้รู้สึกโล่งที่อวัยวะเพศเหมือนมันเปิดอยู่ แต่ไม่มีอาการปวดท้อง

สวัสดีครับ
การที่มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์มาในปริมาณมากและออกมาติดต่อกันหลายวันอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- มีการบากเจ็บในช่องคลอดหรือปากมดลูกจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง
- มีการอักเสยติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง
- มีภาวะปากมดลูกปลิ้น
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- เนื้องอกมดลูก
- ติ่งเนื้อหรือมะเร็งที่ปากมดลูก
เป็นต้น

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจภายในประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

1.ถ้าเลือดออกเเค่กระปริบกระปรอย ไม่มาก ไม่ได้ปวดท้อง สามารถสังเกตอาการได้ครับ ถ้าเลือดยังมาไม่ตามรอบประจำเดือน ก็ควรพบสูตินรีเเพทย์ครับ

กรณีมีเลือดปนกระปริบกระปรอยหลังมีเพศสัมพันธ์ เป็นได้จาก เช่น
- เป็นเลือดจากเเผลในช่องคลอด ที่มีการเสียดสีขณะมีเพศสัมพันธ์
- เลือดเก่าๆในมดลูก ที่ค้างจากรอบประจำเดือน สีน่าจะคล้ำครับ

อาจลองสังเกตอาการก่อนได้ถ้าเลือดไหลไม่มากเเล้วครับ
ยกเว้นออกมากชุ่มผ้าอนามัย4-5ผืน ต่อวัน ปวดท้องน้อยมากๆ ควรพบสูตินรีเเพทย์โดยเร็วครับ
ส่วนสาเหตุอื่นๆ ถ้ามีเลือดออกบ่อยๆ ไม่ได้มาตามรอบประจำเดือน
เช่น เนื้องอกในมดลูก ติ่งเนื้อปากมดลูก การหนาตัวผิดปกติของมดลูก เป็นต้นครับ

ถ้าฝังยาคุมหรือฉีดยาคุมกำนิด ปกติจะมีประจำเดือนออกกระปริบกระปรอย มาติดๆกันหลายๆวัน เป็นผลข้างเคียงจากยาฝัง\ยาฉีดคุมกำเนิดได้ครับ
ถ้ากินยาคุมแบบเเผงเเต่กินไม่ตรงเวลา บางยี่ห้อที่มีเอสโตรเจนต่ำๆ ก็มีเลือดออกทางช่องคลอดไม่ตรงรอบประจำเดือนได้ครับ

2.เรื่องคันช่องคลอด
อาการคันบริเวณช่องคลอด สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ
เช่น ถ้าเป็นผื่นเเดงขุยๆชอบใส่กางเกงอับชื้น น่าจะเป็นเชื้อราได้ครับ เจอบ่อยเพราะบริเวณนั้นอับชื้นได้ง่าย หรือมีเยื่อบุบริเวณนั้นบวมแดง มีตุ่ม ก็เป็นสาเหตุของอาการคันได้ เช่น ตุ่มจากผื่นเเพ้ ติดเชื้อพวกตัวโลน เป็นต้น
หรือถ้ามีตกขาวปริมาณที่มากขึ้นร่วมด้วย อาจเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด
เช่น
- การติดเชื้อราในช่องคลอด จะมีตกขาว ขาวข้นเป็นก้อนคล้ายๆนม ร่วมกับช่องคลอดเเดง คันช่องคลอด มีปวดเเสบได้
- การติดเชื้อเเบคทีเรียเช่นหนองใน หรือโปรโตซัวพวก Trichomonas จะมีตกขาวขุ่นเขียวเหลืองๆ
-โรคติดเชื้อ Bacterial vaginosisครับอาการที่พบบ่อยที่สุด คือ ตกขาวมีกลิ่นอับ (musty) หรือคาวปลา (fishy) มักมีกลิ่นรุนแรงภายหลังการร่วมเพศ ซึ่งเกิดจากการทําปฏิกิริยากับ อสุจิซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างแล้วส่งกลิ่น ออกมา

การรักษาเบื้องต้น พิจารณาปรึกษาเภสัชกรเรื่องยา
- ถ้าสงสัยผื่นเชื้อรา ลองทาพวกยาฆ่าเชื้อรา เช่น Clotrimazoleครีม Ketoconazoleครีม เป็นต้นครับ
- เรื่องคันเบื้องต้นทานยาลดอาการคัน เช่น CPM Atarax (กินเเล้วง่วงได้) หรือ Cetirizine Loratadine เป็นต้นครับ
- ถ้าสงสัยเรื่องตกขาวติดเชื้อ คันช่องคลอดคือการรับประทานหรือสอดยาฆ่าเชื้อครับขึ้นกับว่าติดเชื้ออะไร เช่น ถ้าเเบคทีเรีย ส่วนใหญ่ให้ Metronidazole หรือ ถ้าเป็นเชื้อรา ก็เหน็บยาพวก Clotrimazole ครับ ปรึกษาเภสัชกรซื้อยามาก่อนได้ครับ เเล้วมีเวลาก็หาเวลาไปพบเเพทย์
ให้งดการสวนล้างช่องคลอด งดใส่กางเกงคับเเน่น อับชื้นครับ หลังอาบน้ำให้ซับให้เเห้งครับ