สอบถามครับ ผมมีอะไรกับแฟนโดยที่ไม่ได้ใส่ถุง และเมื่อตอนเกือบจะเสร็จผมชักของตัวเองออกมาข้างนอก แล้วผมกระกระตุก(เล็กๆ)เหมือนเสร็จ ผมยืนดูของของตัวเองไม่ม่น้ำอะไรพุ่งออกมาเลย ปลายอวัยวะเพศแห้งสนิท ซักพักมีน้ำใสๆเหนียวๆค่อยๆไหลออกมา ผมสังสัยว่าถ้าผมเสร็จแล้วน้ำตัวเองมันอยู่ตรงไหนเลยชักอวัยวะเพศตัวเองลงอีกเพื่อหาดู(ตอนนี้มันก็ชักอยู่แล้วนะครับแต่มันชักได้อีก) ปรากฏเห็นน้ำสีขาวเหนียวข้นติดอยู่ ผมงงมากว่ามาจากไหนทั้งๆที่ตอนผมยืนดูไม่มีอะไรออกมา ผมกังวลใจมากเลยครับกลัวแฟนท้องมากเลย เพราะแฟนผมมี ปจด วันที่ 21 ธค 2562 แล้วเรามีอะไรกันวันที่ 25 มค 2563 ตอนราวๆบ่ายสาม ผมเลยกล่อมแฟนไปซื้อยามคุมฉุกเฉินมากิน 27 มค 63 ตอนสองทุ่ม กินเข้าไปแล้วไม่เวียนหัวหรือพบอาการข้างเคียงเลย จนวันนี้วันที่ 30 มค 63 ตอนบ่ายสามแล้วยังไม่มีท่าทว่าจะเลือดออกกระปิดกระปอยเลย ผมเลยมีความสงสัยว่า 1> แฟนผมน่าจะเป็นคนที่ ปจด มาช้ามาก แต่วันที่เราพลาดมีอะไรกันนับจาก 21 ธค 2562 - 25 มค 2563 ก็หลายวันแล้ว จะปลอดภัยแค่ไหนหรอครับ 2>กินยาคุมฉุกเฉินในเวลาไม่เกิน 72 ชม แต่ไม่มีผลข้างเคียงใดเลยจะเกิดอะไรขึ้นครับ 3>หลังจากมีอะไรกันวันสองวัน แฟนผมก็บอกว่าปอดท้องน้อยคล้ายจะเป็น ปจด แต่ผมก็กินยาคุมฉุกเฉินไปก่อนจะเป็นอะไรมั้ยคัรบผม 4>น้ำเหนียวๆข้นๆที่ผมสงสัยคือน้ำอะไร มีสิทธิ์เป็นน้ำผู้หญิงมั้ยครับ

สวัสดีครับ
1. การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกนั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-22% ครับ แต่การที่ได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงไปได้ 75-85%

2. หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่จำเป็นต้องมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นเสมอไปครับ และการที่ไม่มีผลข้างเคียงก็ไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่ายาคุมฉุกเฉินจะไม่ได้ผลครับ

3. การรับประทานยาคุมฉุกเฉินในช่วงที่มีอาการปวดท้องประจำเดือนจะไม่มีผลอะไรครับ

4. น้ำที่เห็นมีโอกาสที่จะเป็นได้ทั้งน้ำอสุจิ และน้ำของฝ่ายหญิง

ในกรณีนี้ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไป หมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

1. เนื่องจากไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับรอบประจำเดือนที่ผ่าน ๆ มา จึงแนะนำได้เพียงว่า เมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ก็ย่อมมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็นนะคะ

ในกรณีนี้ถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% จากวิธีหลั่งนอก และเมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉินครบขนาดและทันเวลา อาจช่วยลดความเสี่ยงที่มีให้น้อยลง โดยผู้ที่ใช้ยาคุมฉุกเฉินยังคงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% ค่ะ

2. การที่มีหรือไม่มีผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินไม่ได้ชี้วัดว่ายามีประสิทธิภาพหรือไม่ จึงต้องรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาหรือเปล่า

ซึ่งถ้ารอนานแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

3. ถ้าผู้ที่รับประทานยาคุมฉุกเฉินคือแฟนของผู้ถาม ก็ไม่เป็นไรค่ะ

แต่ถ้าอาการปวดท้องน้อยดังกล่าวมีความรุนแรงมาก หรือเป็นอยู่นานแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

4. เมื่อมีการสอดใส่โดยไม่ใช้ถุงยาง ของเหลวจากทั้ง 2 ฝ่ายก็ผสมรวมกันได้ และไม่มีประโยชน์ที่จะชี้ชัดว่าของเหลวดังกล่าวมาจากฝ่ายใดค่ะ

ที่สำคัญก็คือ เมื่อมีการป้องกันด้วยวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำ อย่างการหลั่งนอก และการใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนวิธีคุมกำเนิดปกติ มีความเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็น จึงควรตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนนะคะ

และครั้งต่อไป หากแฟนของผู้ถามไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานใด ๆ อยู่ และยังไม่พร้อมจะมีบุตร ผู้ถามก็ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ค่ะ

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินในช่วงที่มีอาการผวดท้องนั้นจะไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินลดลงและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายครับ

และโดยปกติแล้วหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินก็จะไม่มีผลให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ ยกเว้นแต่ว่าถ้ารับประทานในช่วงวันที่ใกล้มีประจำเดือนมามากๆก็อาจทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนออกไปได้เล็กน้อยครับ

ส่วนการคาดการณ์วันที่น่าจะมีประจำเดือนมาครั้งต่อไปนั้นยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากยังไม่ทราบระยะห่างของประจำเดือนครับ ถ้าหากต้องการทราบข้อมูลส่วนนี้หมอก็ต้องขอทราบวันที่มีประจำเดือนย้อนหลังกลับไป 6 เดือนก่อนครับ