มีเลือดออกในช่วงทานยาคุมเม็ดสีขาว แต่เมนมาน้อยกว่าเดิมมาก แบบนี้ถือว่าปกติมั้ย

สวัสดีค่ะ

สำหรับการทานยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน ประจำเดือนจะมาในช่วงที่ทานเม็ดสีขาวหรือหลังจากหยุดทานเม็ดที่มีฮอร์โมนไปประมาณ 2-3 วัน โดยผู้ที่ทานยาคุมกำเนิดในบางรายประจำเดือนอาจออกมาน้อยกว่าปกติได้ ซึ่งไม่ได้เป็นอันตรายอะไรตราบใดที่ประจำเดือนมานาน 3-7 วัน ใช้ผ้าอนามัยเต็มแผ่น กรณีเมื่อทานยาเม็ดสีขาวหมดก็ให้ขึ้นแผงใหม่ต่อทันทีโดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหมดเพื่อให้ได้ผลในการคุมกำเนิดต่อเนื่องค่ะ

ถ้ายาคุมที่ผู้ถามใช้มีมากกว่า 1 สี ก็น่าจะหมายถึงยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 28 เม็ดนะคะ ซึ่งแต่ละยี่ห้อมีการใช้สีที่แตกต่างกันค่ะ ดังนั้น "ยาคุมเม็ดสีขาว" สำหรับบางยี่ห้อจะเป็น "เม็ดยาฮอร์โมน" แต่สำหรับบางยี่ห้อก็จะเป็น "เม็ดแป้ง" นะคะ

หากผู้ถามใช้ยาคุมแผงนี้ถูกต้องและไม่มีการตั้งครรภ์ ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ของแผงค่ะ โดยมักจะมาหลังจากที่ใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย

ซึ่งประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ

แต่สำหรับเลือดกะปริบกะปรอยที่พบในช่วงที่รับประทาน "เม็ดยาฮอร์โมน" ของแผง ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย (เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง) ก็น่าจะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมเอง ซึ่งอาจพบในการใช้ยาคุมแผงแรก ๆ หรือเมื่อรับประทานไม่ตรงเวลา และผลข้างเคียงนี้มักจะหายไปเองได้เมื่อรับประทานต่อให้ตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ

หรือหากผู้ถามไม่มั่นใจ และต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ต้องขอทราบข้อมูลดังนี้ค่ะ
1. ใช้ยาคุมยี่ห้ออะไร
2. เริ่มรับประทานเม็ดแรกของแผงนี้ในวันที่เท่าไหร่
3. ประจำเดือนรอบล่าสุด (ไม่นับเลือดที่ออกมาครั้งนี้) มาตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่คะ
4. เลือดครั้งนี้ออกมาตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่, มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัยหรือไม่ และมีอาการผิดปกติร่วมด้วยหรือเปล่า

ถ้ายาคุมที่ผู้ถามใช้มีมากกว่า 1 สี ก็น่าจะหมายถึงยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 28 เม็ดนะคะ ซึ่งแต่ละยี่ห้อมีการใช้สีที่แตกต่างกันค่ะ ดังนั้น "ยาคุมเม็ดสีขาว" สำหรับบางยี่ห้อจะเป็น "เม็ดยาฮอร์โมน" แต่สำหรับบางยี่ห้อก็จะเป็น "เม็ดแป้ง" นะคะ

หากผู้ถามใช้ยาคุมแผงนี้ถูกต้องและไม่มีการตั้งครรภ์ ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ของแผงค่ะ โดยมักจะมาหลังจากที่ใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย

ซึ่งประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ

แต่สำหรับเลือดกะปริบกะปรอยที่พบในช่วงที่รับประทาน "เม็ดยาฮอร์โมน" ของแผง ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย (เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง) ก็น่าจะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมเอง ซึ่งอาจพบในการใช้ยาคุมแผงแรก ๆ หรือเมื่อรับประทานไม่ตรงเวลา และผลข้างเคียงนี้มักจะหายไปเองได้เมื่อรับประทานต่อให้ตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ

หรือหากผู้ถามไม่มั่นใจ และต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ต้องขอทราบข้อมูลดังนี้ค่ะ
1. ใช้ยาคุมยี่ห้ออะไร
2. เริ่มรับประทานเม็ดแรกของแผงนี้ในวันที่เท่าไหร่
3. ประจำเดือนรอบล่าสุด (ไม่นับเลือดที่ออกมาครั้งนี้) มาตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่คะ
4. เลือดครั้งนี้ออกมาตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่, มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัยหรือไม่ และมีอาการผิดปกติร่วมด้วยหรือเปล่า

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

สำหรับยาคุมยาส "เม็ดยาฮอร์โมน" ก็คือ 24 เม็ดแรกของแผงซึ่งเป็นสีชมพู และ "เม็ดแป้ง" ก็คือ 4 เม็ดสุดท้ายซึ่งเป็นสีขาวนะคะ หากไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมยาสมักจะมีประจำเดือนมาประมาณเม็ดที่ 27 หรือ 28 ของแผงค่ะ

1. เมื่อผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงตามนี้ก็ถือว่าปกติดี ให้ใช้ยาคุมแผงนี้ต่อตามปกติจนหมดทั้ง 28 เม็ด แล้วจึงค่อยต่อยาคุมแผงใหม่ในวันถัดมานะคะ ไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหมดก่อน

เมื่อต่อยาคุมแผงใหม่ถูกต้องตรงตามกำหนดก็ถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทุกวันค่ะ

2. ประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณตามที่กล่าวไปในความเห็นข้างต้น หรือในกรณีที่มาน้อย ก็ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัยอย่างน้อย 1 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 วันค่ะ

ซึ่งประจำเดือนในแต่ละรอบเดือนอาจมีปริมาณมากหรือน้อยแตกต่างกันได้ ถ้าผู้ถามเพิ่งเริ่มใช้ยาคุมมาไม่นานนัก การที่ประจำเดือนมาน้อยลงในรอบนี้ก็ไม่น่าจะเป็นผลจากยาคุมที่ใช้

หรือถ้ามีการใช้ยาคุมต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานแล้ว ผลของฮอร์โมนในยาคุมก็อาจทำให้ประจำเดือนมีปริมาณลดลงหรือขาดหายไปในบางเดือนได้เช่นกันค่ะ แต่ไม่ได้มีผลเสียใด ๆ ต่อสุขภาพ จึงไม่ต้องกังวล