ก่อนหน้านี้มีอาการตกขาวมากกว่าปกติ ลักษณะใส เหลืองบ้าง ขาวขุ่นบ้าง กลิ่นคาวแรง ทั้งก่อนและหลังมีประจำเดือน ไม่ปวดท้องนะคะ ตอนนั้นยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ค่ะ แต่ล่าสุดมีเพศสัมพันธ์กับแฟนครั้งแรกแบบสอดใส่ และหลั่งใน ตอนช่วงเป็นประจำเดือนพอดี หลังหมดประจำเดือน ตกขาวยังมีมากและกลิ่นคาวแรง และเริ่มปวดท้องน้อยล่างขวาเบาๆ เป็นช่วงๆ ไม่ตลอด แต่เป็นเกือบทุกวัน อาการผิดปกติมั้ยคะ ต้องไปตรวจภายในมั้ย หรือปรึกษาเภสัชได้คะ ประวัติ - เคยผ่าตัดช็อคโกแลตซีสต์หลายปีก่อน ตรวจล่าสุดคุณหมอบอกว่าเจอก้อนเล็กๆแต่ยังไม่ต้องฉีดยาหรือทำอะไรค่ะ - แฟนและเราไม่เคยเปลี่ยนคู่นอนหลายคนค่ะ

ตกขาวที่ปกติคือ มีสีขาวขุ่น มีกลิ่นคาวเล็กน้อย อาจมีมากตามรอบของฮอร์โมนในเเต่ละเดือนได้ครับ แต่ถ้าไม่ได้มีอาการคันเเสบช่องคลอด ไม่ได้มีกลิ่นเหม็น ก็น่าจะปกติครับ ไม่ต้องรักษา แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น

- ตกขาว ขาวข้นเป็นก้อนคล้ายๆนม ร่วมกับคันช่องคลอด แสบช่องคลอด อาจเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ
- ตกขาวขุ่นเขียวเหลืองๆ จะมีเลือดปนด้วยหรือไม่มี อาจเป็นการติดเชื้อเเบคทีเรียเช่นหนองใน หรือโปรโตซัวพวก Trichomonas อาจติดเชื้อมาจากคู่นอนก็เป็นไปได้ครับ
- ตกขาวมีกลิ่นอับ(musty)หรือคาวปลา(fishy) มีกลิ่นรุนแรงภายหลังการร่วมเพศ ซึ่งเกิดจากการทําปฏิกิริยากับอสุจิซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างแล้วปล่อยกลิ่นออกมา
จะคิดถึงโรคติดเชื้อในช่องคลอดชนิดหนึ่ง คือ Bacterial vaginosisครับ (เเบคทีเรียในช่องคลอดไม่สมดุล เชื้อชื่อ Gardernella vaginallis จึงเเบ่งตัวมากขึ้น)ซึ่งอาจเกิดจากการที่เราสวนล้างช่องคลอด หรือ กินยาฆ่าเชื้อเเบคทีเรีย ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สมดุลเเบคทีเรียในช่องคลอดเสียครับ เชื้อก่อโรคในช่องคลอดจึงเเบ่งตัวเเละเกิดการติดเชื้อได้ครับ

ถ้าสงสัยการติดเชื้อ เเนะนำให้ไปพบเเพทย์เพื่อประเมิน เพราะการติดเชื้อในช่องคลอด มีทั้ง เชื้อรา เเบคทีเรีย หรือ โปรโตซัวก็ได้
การติดเชื้อบริเวณช่องคลอดนี้ถ้าไม่ได้รักษาอาจลามไปเป็นการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานได้ครับ ซึ่งจะมีอาการไข้ ปวดท้องน้อยร่วมด้วยเเล้วครับ

การรักษาเรื่องตกขาวติดเชื้อ คือการรับประทานหรือสอดยาฆ่าเชื้อครับขึ้นกับว่าติดเชื้ออะไร เช่น ถ้าเเบคทีเรีย ส่วนใหญ่ให้ Metronidazole ส่วนเชื้อรามักใช้เป็น Clotrimazoleสอดครับ ปรึกษาเภสัชกรเบื้องต้นได้ เเต่หากมีเวลาก็ควรไปตรวจครับ

สวัสดีครับ
การที่มีตกขาวผิดปกติในลักษณะนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน แบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุล การมีติ่งเนื้อหรือเนื้องอกบางอย่าง เป็นต้นครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจภายในหาสาเหตุก่อนจะดีที่สุดครับ