March 27, 2020 17:33
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีการป้องกันแต่รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปในภายหลังนั้นจะลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ประมาณ 75-85% ครับ และการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายที่ใช้การหลั่งนอกนั้นก็ยังอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4-22% ครับ ในกรณีนี้จึงควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานใหม่อีกครั้งภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก่อนเพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% ครับ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆนั้นอาจมีผลข้างเคียงที่มากขึ้นได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม ตกขาวมากขึ้น เลือดออกกระปริดกระปรอยระหง่างรอบเดือน แต่สำหรับในกรณีนี้ที่ได้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันไปแล้วก็ควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานอีกครั้งก่อนเพื่อความปลอดภัยครับ
หลังจากนี้หมอแนะนำว่าควรรอสังเกตดูว่าประจำเดือนจะมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ และหลังจากนี้ถ้าหากจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ต้องมีการป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพทุกครั้ง เช่น ใช้ถุงยางอนามัย รับประทานยาคุมแบบรายเดือน ฉีดยาคุม ฝังยาคุม เพื่อให้ปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ขออนุญาตสอบถามค่ะ ประจำเดือนมาวันที่ 8,9,10 มีนาคม วันที่ 13 มีนาคม มี พสพ และหลั่งใน วันที่ 14 มีนาคม กินยาคุมฉุกเฉิน วันที่ 20 มีนาคม มีเลือดออกทางช่องคลอด มี พสพ หลั่งในและกินยาคุมฉุกเฉินทันที วันที่ 24 มีนาคม มี พสพ หลั่งในและกินยาคุมฉุกเฉินทันที วันที่ 25 มีนาคม มี พสพ ไม่ได้หลั่งใน และไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉิน อยากทราบว่าในกรณีแบบนี้มีโอกาสตั้งครรภ์มั้ยค่ะ และกินยาคุมฉุกเฉินติดต่อกันบ่อยมีผลกระทบอย่างไรบ้างค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)