มีเพศสัมพันธ์กับเเฟนใส่ถุงยางอนามัย ประจำเดือนมาครั้งล่าสุดเดือนธันวา เเล้วก็ไม่มาเกือบ2เดือนแล้ว ตรวจดูไม่ท้อง ตรวจไปประมาณ 4-5 ครั้ง ขึ้นขีดเดียวตลอด เเล้วก็มีเมือกใสๆไหลออกมาเยอะมากๆ เป็นเพราะอะไรคะ ตอนนี้เริ่มกังวลเพราะจะ2เดือนแล้วค่ะที่ประจำเดือนไม่มา มีโอกาสท้องมั้ยคะ

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยนั้นถ้าใช้ได้อย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ ซึ่งถ้าหากประจำเดือนยังไม่มาก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

แต่ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ประจำเดือนก็จะมาช้าได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ไทรอยด์เป็นพิษ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ความเครียด
ซึ่งในกรณีนี้หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนหรือมีปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่บ่อยๆครับ

สวัสดีครับ
เบื้องต้นหากทำการตรวจการตั้งครรภ์อย่างถูกวิธี และเป็นการตรวจภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วอย่างน้อย 14 วันแล้วผลการตรวจไม่พบการตั้งครรภ์นั้นสามารถเชื่อถือผลการทดสอบดังกล่าวได้ครับ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ขาดประจำเดือนนั้นมีได้หลายสาเหตุครับ เช่น
- ไม่มีการตกไข่
- ฮอร์โมนเพศผิดปกติ
- เครียด
- ออกกำลังกายหนัก
- น้ำหนักน้อยหรือมากเกินไป เป็นต้น
หากประจำเดือนไม่มามากกว่า 3 เดือน แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติมครับ