January 08, 2020 21:51
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
1. การติดเชื้อ HIV จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของอีกฝ่ายกับบริเวณที่เป็นเนื้อเยื่ออ่อนที่ส่วนหัวของอวัยวะเพศหนือบาดแผลครับ ในกรณีที่ถุงยางอนามัยไม่แตกรั่วจึงเป็นไปได้ยากมากที่จะติดเชื้อ HIV รวมถึงการเป็นฝ่ายถูกทำออรัลเซ็กซ์ก็ไม่ได้ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV เนื่องจากโรค HIV จะไม่ติดต่อทางน้ำลายครับ
2. ถ้ามีแผลที่ผิวหนังและแผลนั้นสัมผัสโดนสารคัดหลั่งของอีกฝ่ายก็จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ได้ครับ
3. ถ้าหากต้องการความมั่นใจจริงๆก็สามารถเริ่มไปตรวยเลือดหาการติดเชื้อ HIV ได้หลังรับความเสี่ยง 14 วันขึ้นไปครับ และถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการติดเชื้อก็คสรตรวจซ้ำที่เวลา 1 และ 3 เดือนหลังรับความเสี่ยงเพื่อให้ได้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 99.9% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เพิ่มเติมครับ ลองเช็คแล้วไม่มีแผลครับ แต่เพื่อความสะบายใจควรกินยาต้านไวรัสก่อนไหมครับ และสามารถรับยาได้ที่ไหนครับ
สวัสดีครับ ผมมีเพศสัมพันธ์กับ ผญ คนหนึ่ง รู้ทีหลังว่าเธอเป็น ญ ขายบริการครับ มีการป้องกันโดยการสวมถุงและถุงไม่แตกไม่รั่วครับ มีการออรัลก่อนแบบไม่ใส่ถุง อยากสอบถามว่า 1. หากผู้หญิงมีเชื้อไวรัสเอดส์อยู่ แล้วขณะมีเพศสัมพันธ์ สารคัดหลั่งของ ผญ ไหลมาโดนบริเวณโคนอวัยวะที่ถุงคลุมไม่ถึง จะมีโอกาสติดเชื้อไหมครับ 2. จากข้อแรก หากบริเวณดังกล่าวมีแผลผิวหนังเล็กน้อย มีโอกาสติดเชื้อไวรัสเอดส์ไหมครับ 3. ทั้งนี้อีก 1 เดือนข้างหน้าผมควรตรวจเลือดไว้ก่อนไหมครับ ขอบคุณครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)