February 26, 2020 18:31
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่โดยไม่ป้องกันนั้นต่อให้ไม่มีการหลั่งก็อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ 4-22% ครับ ในกรณีนี้จึงควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก่อนเพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% ครับ
และหลังจากนี้หมอก็แนะนำให้รอสังเกตดูว่าประจำเดือนจะมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ในครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์ก็ควรมีการป้องกันทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คือเดือนนี้เรากินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว 2 ครั้งค่ะแล้วจะกินอีกครั้งที่ 3 จะมีผลอะไรไหมคะ อันตรายมากไหมคะ
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ถึงแม้จะไม่ได้มีการหลั่งภายในแต่ก็สามารถทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ครับ เนื่องจากในน้ำหล่อลื่นของเพศชายก่อนการหลั่งสามารถพบอสุจิได้ครับ โดยการทานยาคุมแบบฉุกเฉินก่อนหน้าการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวไม่ได้ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ครับ ในกรณีนี้จึงแนะนำให้รีบทานยาคุมแบบฉุกเฉินและทานภายใน 120 ชม. หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมฉุกเฉินไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทานค่ะ การที่ผู้ถามมีเพศสัมพันธ์ซ้ำโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย แม้จะไม่ได้หลั่งในช่องคลอด แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มาก 22% ตามวิธีหลั่งนอกนะคะ
หากต้องการลดความเสี่ยงดังกล่าว แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวลงได้บ้างถ้าใช้ครบขนาดและทันเวลาค่ะ
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงเหมือนกับวิธีคุมกำเนิดปกตินะคะ แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% ต่อไปจึงไม่ควรนำมาใช้เพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัยอีก เพราะเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ยาคุมฉุกเฉินใช้สำหรับลดโอกาสตั้งครรภ์ในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งก่อนหน้าที่จะกินเท่านั้นครับ หากมีเพศสัมพันธ์อีกหลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครบสองเม็ดหรือหลังกินเเบบเม็ดเดียว จะเป็นเป็นช่วงที่ฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินลดลง มีโอกาสตั้งครรภ์ครับ
การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ใส่ถุงยางเเม้ไม่ได้ แต่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีโอกาสท้องครับ เนื่องจากขณะสอดใส่อาจมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นฝ่ายชายได้ครับ
ดังนั้นก็ควรเริ่มยาคุมฉุกเฉินแผงใหม่ได้ครับแต่อาจเพิ่มอาการข้างเคียงจากยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บเต้านม เลือดประจำเดือนแปรปรวน หรือมีเลือดออกผิดปกติ ดังนั้นหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ต่อไปแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัย หรือรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดปกติทั่วไปครับ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ประมาณภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งมักไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ ไม่ได้บอกว่าท้องหรือไม่ท้องครับ)
ส่วนประจำเดือนจริงๆจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา ก็มีโอกาสหลุดท้องครับ
ให้ตรวจการตั้งครรภ์ครับ
หากต้องการรีบตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
ระหว่างรอประจำเดือนจริงๆมา ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางอนามัยไปก่อนครับ
ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องคือประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
"เดือนนี้กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว 2 ครั้ง จะใช้อีกได้หรือไม่ อันตรายหรือเปล่า"
ในปัจจุบัน ไม่มีการจำกัดปริมาณว่าห้ามใช้ยาคุมฉุกเฉินเกินกี่แผงใน 1 เดือนเหมือนกับที่เคยแนะนำในอดีตค่ะ เนื่องจากไม่พบข้อมูลที่ชี้ชัดได้ว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินซ้ำ ๆ หรือเกินขนาดที่แนะนำจะทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ
ดังนั้น ถ้ามีความจำเป็น ผู้ถามก็สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินอีกได้ แม้จะเคยใช้มาแล้วนะคะ
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดปกติมาก จึงไม่ควรนำมาใช้เพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัย หรือใช้เพียงเพราะไม่อยากคุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานอื่น ๆ มิฉะนั้นก็จะเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ
ในกรณีนี้ ถ้าต้องการลดความเสี่ยงที่มีให้น้อยลง แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์ ถ้าผู้ถามไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานใด ๆ อยู่ และยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร ก็ควรให้แฟนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือเรามีอะไรกับแฟนแบบหลั่งนอกไม่สวมถุงยางแล้วกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว หลังจากวันนั้น 3 วันเราก็มีอะไรกับแฟนอีก ครั้งนี้แฟนเราสอดใส่แบบไม่สวมถุงยางแต่แค่แปปเดียวค่ะเข้าออกแค่ประมาณ 5 ครั้งก็เอาออกแล้วมามีอะไรแบบไม่ได้สอดใส่แทนค่ะและครั้งนี้เป็นช่วงที่ไข่จะตกในอีก 3 วันด้วยค่ะ แบบนี้โอกาสตั้งครรภ์สูงไหมคะ แล้วต้องกินยาคุมอีกรอบรึเปล่าคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)