April 15, 2020 14:35
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การที่ประจำเดือนมาน้อยหรือช้ากว่าปกติอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- มีความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย
- มีการตกไข่ที่ผิดปกติ
- ความเครียด
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
เป็นต้น
ส่วนโอกาสตั้งครรภ์ในกรณีนี้ถ้าหากได้ใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องแล้วก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 2% เท่านั้นครับ
แต่ถ้าหากต้องการความมั่นใจหมอก็แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
1.ปกติประจำเดือนจะมาช้าได้ไม่เกิน 7 วันถ้าเครียดกังวลก็ยิ่งมาช้าได้ครับ
เเละเเนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์เพื่อเเยกภาวะท้องออกไปก่อน(เเม้ว่าถาใส่ถุงยางอนามัยตลอด โอกาสท้องจะน้อยมาก) ถ้าตรวจเเล้วไม่ท้อง ก็เว้นสักสัปดาห์ ค่อยตรวจซ้ำครับ ถ้าไม่ท้องจริงๆ เเล้วประจำเดือนยังไม่มาเป็นเดือนๆให้ไปพบสูตินรีเเพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ เช่น
- ความเครียด ทำให้ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
- โรคถุงน้ำรังไข่อาการคือ ประจำเดือนมักมาไม่สม่ำเสมอร่วมกับพบลักษณะของฮอรโมนเพศชาย(มีสิว มีขนเยอะ)
- เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่(ช็อคโกเเลตซีสต์) อาการคือ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้นครับ
2.อาการปวดท้องน้อย เเละประจำเดือนขาด ยังตัดโรคที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่ได้ครับ เช่น ท้องนอกมดลูก ภาวะเเท้งคุกคามเป็นต้น
เเต่ถ้าตรวจเเล้วไม่ท้อง อาจเป็นปวดประจำเดือนปกติก็ได้ครับ
อาการปวดประจำเดือนมักเกิดจากเลือดประจำเดือนไหลออกมาไม่ทัน หรือออกมาไม่สะดวกจึงทำให้เกิดเลือดคั่งในโพรงมดลูก
กล้ามเนื้อมดลูกจึงพยายามบีบรัดตัวเพื่อเป็นการขับเลือดออกมา ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดบริเวณท้องน้อยหรือปวดหลังได้ครับ
3. อาการปวดท้องน้อย เป็นได้ตั้งเเต่
- ติดชื้อในอุ้งเชิงกราน คือ มีตกขาวกลิ่นเหม็น คันช่องคลอดมาก่อน เเล้วมีอาการปวดท้องน้อย มีไข้
- ปวดท้องมากเวลาประจำเดือนมา ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ อาจเป็น เนื้อเยื่อมดลูกเจริญผิดที่(ช็อคโกแลตซีสต์)
- โรคซีสต์ในรังไข่บางชนิด ก็ปวดท้องน้อยได้ครับ
- ติดเชื้อทางเดินอาหารส่วนลำไส้ มักมีถ่ายเหลว คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องได้
- ติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ คือมีอาการปวดท้องน้อย ปัสสาวะเเสบขัด ปัสสาวะบ่อย
- ปวดกล้ามเนื้อ คือ มีขยับเเล้วปวด สัมพันธ์กับท่าทาง ก่อนหน้ามีประวัติ ยกของหนัก ขยับผิดท่า หรือโดนกระเเทก ครับ
- ท้องนอกมดลูก ภาวะเเท้ง พวกนี้ต้องมีปวดท้องน้อย ร่วมกับมีเลือดออกทางช่องคลอดครับ เเละก่อนหน้านี้มีประวัติสงสัยท้อง เช่น มีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ป้องกัน ประจำเดือนขาด เเล้ววันนี้มีปวดท้อง+เลือดออกทางช่องคลอดครับ
กรณีคนไข้ถ้าปวดมากเเนะนำหาเวลาพบเเพทย์ครับ เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติมครับ
4.เรื่องปวด พิจารณายาเบื้องต้น ที่ปลอดภัย ก็Paracetamolครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ มีอาการประจำเดือนเลื่อนมา 13 วัน มีอาการปวดท้องน้อยมาเรื่อยๆ มีเลือดซึมๆมาในวันที่ประจำเดือนเลื่อนได้สัก 3-4 วัน และมีเลือดซึมในวันที่ 11(มีอุณหภูมิร่างกายสูง)-12-13 เริ่มคัดตึงหน้าอก ปวดท้องน้อยมาก เกิดจากอะไร อันตรายไหมคะ ปวดเหมือนช่วงมีประจำเดือน แต่เลือดไม่ค่อยออกเลย ข้อมูลเพิ่มเติมคือมีเพศสัมพันธ์แบบสวมถุงยางอนามัยในช่วง 11 วันก่อนประจำเดือนมา และช่วงที่ประจำเดือนควรจะมามีการออกกำลังกายช่วงท้องหนัก(เป็นแนวแพลงค์ ซิทอัพ) ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)