March 20, 2019 12:42
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การใช้ยาสเพื่อเลื่อนประจำเดือนดังกล่าว ไม่น่าจะมีประสิทธิภาพในการเลื่อนประจำเดือนได้ค่ะ การที่ประจำเดือนมาหลังจากที่หยุดใช้จึงอาจเป็นเพียงความบังเอิญนะคะ (ถือว่าแปลกที่ผู้ถามเลือกใช้ยาสในกรณีนี้ เพราะนอกจากวิธีที่ใช้จะไม่มีประสิทธิภาพในการเลื่อนประจำเดือนได้แล้ว ราคายังสูงมากกว่าทางเลือกมาตรฐานหลายเท่าค่ะ) ..
..
อย่างไรก็ตาม หากเลือดที่ออกมามีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน ก็ไม่มีปัญหานะคะ เพราะนอกจากจะถือว่าการมีเพศสัมพันธ์ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แน่นอนแล้ว เมื่อเริ่มใช้ยาคุมแผงใหม่ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ
..
..
การมีเพศสัมพันธ์ของผู้ถาม ซึ่งอยู่ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 0.3 - 9% นะคะ และถ้าผู้ถามรับประทานยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงก็จะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ ในกรณีนี้ไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มนะคะ
..
..
อย่างไรก็ตาม หากเลือดที่ออกมาในระหว่างวันที่ 11 - 16 มีนาคม เป็นเพียงหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย แต่เมื่อรับประทานยาสต่อเนื่องกันมาครบ 7 วันแล้ว ก็ถือว่ามีผลคุมกำเนิดจากยาคุมยาสแล้วนะคะ จึงไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเช่นกัน แต่เพื่อความมั่นใจว่าผู้ถามไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ก่อน แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันพรุ่งนี้ด้วยนะคะ (วันนี้ยังรับประทานยาสได้ตามปกติ) ถ้าผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็ใช้ต่อได้ตามปกติค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สาเหตุที่ใช้ยาสเพราะว่าไปปรึกษาเภสัชกร(วันที่3/2/62)ว่าจะเลื่อนประจำเดือน คิดว่าประจำเดือนน่าจะมาวันที่7/2/62 แล้วจะใช้ต้อเนื่องเลย เค้าเเนะนำว่างั้นกินไปเลยแล้วไม่ต้องให้เดือนมีนามีประจำเดือน แต่ไม่สบายใจเลยกินไปถึงแค่ 3-7มีนาแล้วหยุดค่ะ ........... เดือนกุมภา : ประจำเดือนมา 7-11 เลยคิดว่าเดือนมีนาน่าจะมาช่วงๆเดียวกันเลยต้องการเลื่อน ............ .เดือนมีนา : กินยาสไปวันที่3-7แล้วหยุด (8-10) วันที่7มีเพศสัมพันใส่ถุงยาง 11-16 ประจำเดือนมา ช่วง3วันแรกค่อนข้างเยอะค่ะชุ่มแผ่นทั้งกลางวันและกลางคืน หลังจากนั้นไม่เยอะ วันที่11นี้เริ่มกินยาสแผงใหม่แล้ว มีเพศสัมพันไม่ได้ใส่ถุงยางวันที่18/3/62 ขออนุญาตให้ข้อมูลอีกรอบ กลัวว่าพิมพ์ครั้งแรกมันดูงงๆนะคะ ถ้าแบบนี้คุณหมอแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์เพราะกลัวจะมีการตั้งครรภ์ของการมีเพศสัมพันธ์วัน ที่7มีนา ใช่มั้ยคะ แล้วของรอบวันที่18นี่ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำเพราะใช้ยามา7วันแล้ว เข้าใจถูกมั้ยคะ รบกวนอีกทีนะคะ
เว้นวรรคไม่ได้เลย พิมพ์มนโทรศัพ ขอโทษนะคะ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ในคำแนะนำที่กล่าวไป จะแยกความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ออกเป็น 2 กรณีนะคะ กรณีแรกคือโอกาสตั้งครรภ์ก่อนที่จะมีผลคุมกำเนิดจากยา และกรณีที่สองคือโอกาสตั้งครรภ์หลังมีผลคุมกำเนิดจากยา
..
..
ซึ่งหากผู้ถามมีเลือดออกมาในวันที่ 11 - 16 มีนาคม มากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน ก็น่าจะเป็นประจำเดือนที่มาตามรอบปกติ (ไม่ได้เป็นผลเลื่อนจากการใช้ยาคุมยาส) และหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวันที่ 11 มีนาคม ไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้วค่ะ
..
..
และเมื่อผู้ถามเริ่มใช้ยาคุมยาสแผงนี้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานนะคะ จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% ตามประสิทธิภาพปกติของยาคุมรายเดือน และหากรับประทานยาคุมต่อไปให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงก็จะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลนะคะ
..
..
เมื่อมีผลคุมกำเนิดจากยาคุมยาสแล้ว ผู้ถามก็ไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มค่ะ
..
..
จากนี้ก็ให้ใช้ยาคุมยาสต่อไปตามปกติ และรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งของแผงหรือไม่ ซึ่งโดยปกติ ประจำเดือนของผู้ที่ใชัยาคุมยาส มักจะมาประมาณเม็ดที่ 27 - 28 หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ หากใช้ไปจนหมดแผงแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา วันต่อมาซึ่งต้องต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนด ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ในตอนเช้าหลังตื่นนอนก่อนนะคะ หากผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็ให้ต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดเพื่อให้มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้เลยค่ะ
..
..
ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ที่แนะนำไปในความเห็นแรก หมายถึงในกรณีที่ "เลือดที่ออกมาในระหว่างวันที่ 11 - 16 มีนาคม เป็นเพียงหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย" ซึ่งหมายถึงอาจไม่ใช่ประจำเดือน และเมื่อไม่มีประจำเดือนมาก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจน แต่เมื่อผู้ถามให้ข้อมูลว่าเลือดนั้นมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน ก็ไม่มีปัญหาค่ะ จึงยังไม่จำเป็นจะต้องตรวจการตั้งครรภ์ในตอนนี้นะคะ
..
..
..
..
สรุปก็คือ ในตอนนี้ไม่ต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ และยังไม่จำเป็นจะต้องตรวจการตั้งครรภ์ แค่ให้รับประทานยาคุมยาสต่อไปให้ตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ 🙏🙏🙏🙏
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ปกติกินยาคุมกำเนิดยี่ห้อyazค่ะ ขออนุญาตเล่าเดือนก่อนๆด้วยนะคะเป็นข้อมูลให้คุณหมอ 4/2/62 หมดแผง จะเลิกกินเลยหยุด 7-11/2/62 ประจำเดือนมา 3/3/62 ทีนี้เริ่มกินแผงใหม่เพื่อเลื่อนประจำเดือน 7/2/62 มีเพศสัมพันแบบป้องกัน 8/3/62 เลิกกินยาแผงนี้เพื่อให้ประจำเดือนมา 11/3/62 ประจำเดือนมาเป็นวันแรก เลยเริ่มแผงใหม่อีก(จะกินต่อเนื่องรอบนี้แล้วค่ะ) 16/3/62 ประจำเดือนหมด ออกเป็นน้อยๆแต่ยังมีเลือดเปื้อนๆอยู่ 18/3/62 มีเพศสสัมพันธ์ 1 ครั้ง ไม่ได้ใช้ถุงยาง ไม่ได้หลั่งใน (รวมแล้ววันนี้กินยาคุมแผงใหม่มาได้8เม็ด กินตั้งแต่ประจำเดือนมาวันแรก) ในกรณีนี้ -ยาคุมออกฤทธิ์เต็มที่รึยังคะ -มีโอกาศตั้งครรภ์รึเปล่า -จำเป็นต้องทานยาคุมแบบฉุกเฉินกันด้วยมั้ย ขอบคุณค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)