ฉีดยาคุมกันเนิด สามารถหลั่งในได้มั่ยค่ะและมีโอกาสเสี่ยงเเค่ไหนค่ะ ของความรุ้เกี่ยวกับการฉีดยาคุมกำเนิดหน่อยค่ะ

หลังฉีด สามารถหลั่งในได้ ครับขึ้นกับช่วงเวลา การเริ่มฉีดยาคุม
ดังกรณีต่อไปนี้ครับ
-เริ่มใช้เข็มแรกภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้เลย มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในได้ไม่ต้องใช้ถุงยางครับ
- เริ่มใช้เข็มแรกหลังจากช่วง7วันเเรกของประจำเดือน ต้องมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ (เช่น หลังจากมีประจำเดือนล่าสุดจนถึงวันที่จะฉีดยา ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์) หลังฉีดจะยังไม่มีผลคุมกำเนิด ต้องงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนหรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปอีก 7 วันหลังฉีดยาครับ
ส่วนกรณีถ้าเคยฉีดต่อเนื่องมาก่อนฉีดเข็มถัดๆไปตรงเวลา ก็มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องครับ

การฉีดยาคุมหลักๆจะมียาฉีดสองเเบบคือ เเบบสามเดือน(ฮอร์โมนเดี่ยว) กับแบบหนึ่งเดือน(ฮอร์โมนรวมครับ)
- กรณีเป็นฮอร์โมนเดี่ยว(โปรเจสเตอโรน)ส่วนใหญ่ฉีดทุกสามเดือนครับ อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอย ประจำเดือนไม่มาตามรอบ น้ำหนักขึ้นได้ หากหยุดฉีดกว่าจะกลับมาตกไข่ มีลูกได้ใช้เวลาประมาณ10-12เดือนครับ
- ส่วนฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจน+โปรเจสเตอโรน) จะฉีดทุก1เดือน หลังฉีด วันที่21เป็นต้นไป จะมีเลือดประจำเดือนตามรอบได้ครับ (คล้ายกินยาคุมแบบเเผง)
เเบบฮอร์โมนรวมถ้าหยุดฉีด เดือนถัดไป ไข่ตก มีลูกได้ตามรอบครับ

ถ้ามีผลคุมกำเนิดจากยาคุมแล้วก็สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติค่ะ โอกาสตั้งครรภ์ในช่วงที่มีผลป้องกันจากยาคุมชนิดฉีด คือ 0.2 - 6% หรือค่อนไปทางต่ำ คือ 0.2% ถ้าฉีดยาคุมตรงตามนัดสม่ำเสมอ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่น้อยมากจนไม่น่าจะกังวล

ซึ่งในกรณีทั่วไป การฉีดยาคุมเข็มแรกจะแนะนำให้ฉีดภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน ทั้งเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ไม่ได้มีการตั้งครรภ์อยู่ก่อน และหากฉีดทันช่วงเวลานั้นก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยหลังฉีดยา

แต่ถ้าฉีดยาคุมเข็มแรกไม่ทันช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไปอีก 7 วันหลังฉีดยาคุมนะคะ

ส่วนการฉีดยาคุมเข็มต่อ ๆ ไป ถ้าฉีดยาคุมตรงตามวันนัด ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทุกวัน จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติค่ะ