February 18, 2020 09:18
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ในกรณีนี้เลือดที่ออกมาในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นั้นอาจจะยังเร็วเกินไปกว่าที่จะเป็นประจำเดือนตามปกติครับ และในกรณีนี้ก็อาจเป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินได้ครับ ซึ่งก็จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการตั้งครรภผิหรือไม่
โดยปกติแล้วถ้าหากรับประทานยาคุมฉุกเฉินได้อย่างถูกต้องก็จะยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 15-25% แต่เนื่องจากในกรณีนี้มีการรับประทานยาที่ช้าไป 3 ชั่วโมงโอกาสตั้งครรภ์จึงอาจสูงกว่านี้ได้อีกเล็กน้อย
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
1.ปกติความสำคัญต่อระยะเวลาการรับประทานเม็ดแรกจะมากกว่าเม็ดที่สอง โดยพบว่ายิ่งรับประทานยาเม็ดแรกหลังจากมีเพศสัมพันธ์เร็วเท่าไหร่ จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของยามากขึ้นครับ เม็ดที่สองเลทไป3ชม หมอว่ายายังมีผลช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ครับ
2.หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
3.วันที่12 เลือดที่ออก น่าจะเป็นผลจากยาคุมฉุกเฉินครับ หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ประมาณภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งมักไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ ไม่ได้บอกว่าท้องหรือไม่ท้องครับ)
ส่วนประจำเดือนจริงๆจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
4.การกินยาคุมฉุกเฉินนั้น อาจทำให้วันตกไข่ เเละรอบประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้นะครับ การนับวันตามเเอพเดิม หมอว่าใช้ไม่ได้เเล้วครับ
5.การมีเพศสัมพันธ์วันที่ 14 นั้น มีโอกาสหลุดท้องนะครับ
ปกติหากมีเพศสัมพันธ์อีกหลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครบสองเม็ดหรือหลังกินเเบบเม็ดเดียว จะเป็นเป็นช่วงที่ฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินลดลง มีโอกาสตั้งครรภ์ครับ
ปกติ ยาคุมฉุกเฉินใช้สำหรับลดโอกาสตั้งครรภ์ในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งก่อนหน้าเท่านั้นครับ
ดังนั้นก็ควรเริ่มยาคุมฉุกเฉินแผงใหม่ครับแต่อาจเพิ่มอาการข้างเคียงจากยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บเต้านม เลือดประจำเดือนแปรปรวน หรือมีเลือดออกผิดปกติ ดังนั้นหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ต่อไปแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัย หรือรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดปกติทั่วไปครับ
วันนี้วันที่18 ก็ยังกินทันครับ (ไม่เกิน120ชม.นับจากการมีเพศสัมพันธ์)
หลังจากนี้ หากต้องการรีบตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
ระหว่างรอประจำเดือนจริงๆมา ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางอนามัยไปก่อนครับ
ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องคือประจำเดือนจริงๆ มาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ประจำเดือนมาวันที่ 31มค-6กพ ค่ะ คืนที่6เข้าวันที่7แฟนหนูได้มีการหลั่งในค่ะ พอวันที่7ได้ซื้อยาคุมฉุกเฉินมาทาน เม็ดแรกทานปกติแต่เม็ดที่2ทานเลทประมาณ3ชม.ค่ะ หลังจากนั้น1สัปดาห์มีเลือดกระปิดกระปอยแล้วประจำเดือนก็มาวันที่12ค่ะ มาเหมือนเป็นประจำเดือนเลยค่ะ พอวันที่14กลางวันเข้าวันที่15ได้มีการหลั่งในอีก พอวันที่15ประจำเดือนก็หายไปเลยค่ะตอนนี้กลายเป็นมีเลือดกระปิดกระปอยอีกเวลาใช้ทิชชู่ซับ ซึ่งหนูเป็นคนปจดห่างกันไม่เกิน23วันค่ะ มาตรงทุกครั้งเลยค่ะมีแอพติดตามอยู่ค่ะ แล้ววันตกไข่หนูวันที่14ค่ะ เลยอยากทราบว่าจะท้องมั้ยคะ แล้วเลือดที่มารอบ2ใช่เลือดปจดมั้ยคะ เพราะห่างการมีปจดเดือนปกติแค่1สัปดาห์ บางคนแค่มีเลือดนิดหน่อย แบบหนูผิดปกติมั้ยค่ะ รอบเดือนมาอีกที28กพ.ค่ะ รบกวนด้วยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)