February 12, 2020 12:30
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การที่ถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วระหว่างมีเพศสัมพันธ์แต่ได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วนั้นจะทำให้โอกาสตั้งครรภ์ลดลงไปได้ 75-85% ครับ
หลังจากรับประทานยาคุมฉุกเฉินอาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม ตกขาวมากขึ้น มีเลือดออกกระปริดกระปรอยทางช่องคลอด แต่อาการนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเสมอไป และถึงจะไม่มีอาการก็ไม่ได้บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ครับ
ในกรณีที่การคุมกำเนิดสำเร็จก็จะทำให้มีประจำเดือนมาตามปกติครับ แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
- การป้องกันด้วยถุงยางอนามัยแล้วผิดพลาดในขณะที่ยังไม่มีการหลั่งภายใน ประกอบกับการทานยาคุมฉุกเฉินไปด้วย โอกาสการตั้งครรภ์โดยรวมถือว่าต่ำครับ แนะนำให้สังเกตรอบเดือนที่กำลังจะมาครับ
- การจะทราบว่าไม่ตั้งครรภ์แน่นอนนั้นต้องตรวจการตั้งครรภ์ครับ โดยทั่วไปสามารถตรวจได้เมื่อหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วอย่างน้อย 14 วันครับ
- ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินที่อาจพบได้คือ เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดครับ จะเกิดประมาณ 7 วันหลังจากที่ทานยาชนิดนี้ เลือดที่ออกมาไม่ได้บอกว่าไม่มีการตั้งครรภ์นะครับ และในบางรายอาจไม่เกิดผลข้างเคียงก็ได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
เมื่อถุงยางฉีกขาดแล้วรีบรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรอง นั่นถือว่าแก้ไขปัญหาได้เหมาะสมแล้วนะคะ เพราะถ้าใช้ครบขนาดและทันเวลาอาจช่วยลดความเสี่ยงให้เป็น 15 - 25% ได้
ผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ไม่สบายท้อง เจ็บคัดตึงเต้านม หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร ไม่ได้บ่งชี้ว่ายามีประสิทธิภาพหรือไม่ และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์
การรับประทานยาคุมฉุกเฉิน ควรรับประทานให้เร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยถ้าใช้ทัน 72 ชั่วโมงแรก จะมีประสิทธิภาพดีกว่า 72 - 120 ชั่วโมงนะคะ
ซึ่งในกรณีที่ใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด สามารถจะรับประทานตามวิธีดั้งเดิม คือแยกใช้ครั้งละ 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือจะรับประทานตามวิธีใหม่ นั่นคือ 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียวก็ได้ มีผลการศึกษาที่ชี้ว่าประสิทธิภาพและผลข้างเคียงไม่แตกต่างกัน (อย่างไรก็ตาม การศึกษาใหม่ ๆ ชี้ว่าการใช้ครบขนาดในครั้งเดียวมีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพดีกว่า อีกทั้งยังสะดวก ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมแล้วรับประทานไม่ครบขนาดด้วยนะคะ)
ดังนั้น ถ้าแฟนของผู้ถามรับประทานยาคุมฉุกเฉินทันเวลา และไม่ได้อาเจียนออกมาภายใน 2 ชั่วโมงหลังรับประทาน ก็ถือว่ายาน่าจะดูดซึมและออกฤทธิ์ป้องกันฉุกเฉินได้ค่ะ
ซึ่งถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วัน โดยประจำเดือนปกติก็ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนั่นเอง
ดังนั้น ถ้ารับประทานยาคุมฉุกเฉินครบขนาดไปแล้วก็ให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิมหรือไม่นะคะ
ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้าไม่มั่นใจ และกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ถุงยางเเตกขณะมีเพศสัมพันธ์ เเละหยุด ทันที ขณะนั้นยังไม่ได้หลั่ง เเต่ก็ไม่มั่นใจ เลยซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน ตรงเวลา ครบ2เม็ด เเต่เเฟนไม่มีอาการค้างเคียง รอบเดือนเริ่มวันที่4 เเละมีเพศสัมพันธ์ วันที่11 วันที่10รอบเดือนเริ่มน้อยลง เเละ วันที่11 รอบเดือนยังมีเล็กน้อย อยากทราบ ว่าการป้องกันที่ทำไป จะมีโอกาสมากน้อยเเค่ไหน เเละจะทราบได้อย่างไรว่า ป้องกันได้เเล้ว เเละไม่ตั้งครรภ์ เเละอยากทราบ อาการที่จะเกิดเมื่อกินยาคุมเเละ คุมกำเนิดสำเร็จด้วยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)