February 23, 2020 16:32
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ
กรณีที่ทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ยาคุมจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85% หรือมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15-25%ค่ะ และหลังทานภายใน 1 สัปดาห์มักมีเลือดออกกะปริบกะปรอยเป็นผลข้างเคียงได้ค่ะ นอกจากนี้อาจทำให้ประจำเดือนผิดปกติหรือคลาดเคลื่อนได้ แต่มักไม่เกิน 1 สัปดาห์ กรณีที่ตรวจการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ไป 14 วัน และตรวจในตอนเช้า ผลการตรวจจะมีความน่าเชื่อถือมากถึง 97-99% ดังนั้นกรณีนี้ตรวจได้ 1 ขีดหมอคิดว่าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ
สำหรับสาเหตุอื่นๆที่ทำให้ประจำเดือนขาดได้ เช่น ฮอร์โมนแปรปรวน มีความเครียด ไทรอยด์ผิดปกติ ภาวะ PCOS เนื้องอก เป็นต้น ถ้าประจำเดือนขาดนานเกิน 3 เดือน โดยไม่มีการตั้งครรภ์แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจดูค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. ถ้าการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะของผู้ถามทำได้ถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก และตรวจในเวลาที่เหมาะสม นั่นคือ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% (หรือตามที่ชุดทดสอบยี่ห้อที่ใช้ให้การรับรอง) ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ
แต่ถ้าใช้ชุดทดสอบไม่ถูกวิธี หรือตรวจในเวลาที่ไม่เหมาะสม แนะนำให้ตรวจใหม่ให้ถูกต้องนะคะ
2. ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาเร่งหรือเลื่อนประจำเดือน หากไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อน (เร็วหรือช้าก็ได้) เพียงไม่กี่วันค่ะ
ดังนั้น ถ้าที่ผ่านมาผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอ หากไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนรอบนี้ก็ควรจะมาตรงเวลาเหมือนเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่มากนะคะ
แต่ถ้าที่ผ่านมาผู้ถามมีประจำเดือนมาไม่ตรงเวลาเรื่อย ๆ อยู่แล้ว ต่อให้ไม่ตั้งครรภ์ แต่ประจำเดือนรอบนี้ก็อาจคลาดเคลื่อนได้มากตามที่เคยเป็นค่ะ หากไม่มั่นใจ การตรวจการตั้งครรภ์ก็เป็นทางเลือกที่ดีแล้วนะคะ
3. ประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน + มาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วัน + มาตรงตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนไม่มาก ซึ่งรอบประจำเดือนปกติจะเป็น 24 - 35 วันค่ะ
ส่วนเลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยา จะเป็นเพียงหยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัย อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร
ดังนั้น ถ้าเลือดที่ออกมาในวันที่ 27 มกราคม มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย (ตามข้อมูลที่ว่า "มีเลือดออกเหมือนประจำเดือน มาเยอะมาก ๆ") ก็ถือว่าผิดปกติมากนะคะ เพราะมาห่างจากวันแรกที่มีประจำเดือนรอบล่าสุดไม่ถึง 2 สัปดาห์ และไม่น่าจะเป็นผลจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย และเลือดนั้นก็หายไปแล้ว อาจรอดูไปก่อน ซึ่งถ้าผู้ถามยังมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติเช่นนี้อีกเรื่อย ๆ หรือไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เป็นประจำเดือนล่าสุดวันที่ 14-20 มกรา แล้วมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน แต่กินยาคุมฉุกเฉินหลังมีพสพ.3ชั่วโมง พอวันที่27-30มกรามีเลือดออกเหมือนประจำเดือนมาเยอะมากๆ แล้ววันที่ 14 กุมภาคือวันที่ประจำเดือนจะมาแต่ไม่มา วันที่ 16 กุมภาเลยทำการตรวจครรภ์แล้วขึ้นขีดเดียว วันที่ 20 กุมภาตรวจอีกรอบก็ขึ้นขีดเดียว มีอาการเหมือนจะเป็นประจำเดือนแต่ประจำเดือนยังไม่มาแบบมีโอกาสท้องไหมคะ? ที่ประจำเดือนเดือนกุมภาไม่มาเพราะยาคุมฉุกเฉินแล้วมีเลือดรึป่าวคะ?มีส่วนเกี่ยวรึป่าว?
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)