February 13, 2020 23:39
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ในกรณีที่มีการรับประทานยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาต่อมน้ำลายอักเสบอยู่แล้วแต่กลับมีอาการทอนซิลอักเสบแทรกซ้อนขึ้นมาก็มีความเป็นไปได้ที่เชื้อที่ก่อโรคจะเป็นเชื้อคนละชนิดกับที่ทำให้เกิดต่อมน้ำลายอักเสบหรืออาจเป็นเชื้อที่มีการดื้อต่อยาฆ่าเชื้อที่ใช้อยู่ครับ
ในกรณีนี้จึงอาจจ้องมีการปรับเปลี่ยนยาฆ่าเชื้อใหม่ในกรณีที่สงสัยว่ามีทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หรือถ้าหากสงสัยว่าจะเป็นทอนซิลอักเสบจากเชื้อไวรัสก็ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนยาเพิ่มเติมเพราะในกรณีนี้อาการจะค่อยๆดีขึ้นได้เองครับ
ในกรณีนี้หมอแนะนำให้รับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ที่ได้ตรวจประเมินอาการมาครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สวัสดีค่ะคุณหมอ จะขอคำปรึกษานิดหนึ่งค่ะ เมื่อวันที่4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หนูได้ไปตรวจหาคุณหมอหูคอจมูก เนื่องจากอ้าปากเจ็บตรงที่ขากรรไกร กลืนอะไรจะเจ็บคุณหมอตรวจวินิจฉัยว่าเป็นต่อมน้ำลายอักเสบ เลยได้ยาฆ่าเชื้อกลับมาทาน10วันค่ะ แต่ทานยาไม่ทันหมดเมื่อวันที่ 9 มีไข้/ปวดตามตัว ตื่นมาอีกทีกลืนน้ำลายเจ็บคอมาก เลยมาส่องดูบริเวณข้างในลำคอ เห็นคอแดง และเฝ้าอาการมาถึง 3 วัน จะรู้สึกมีอะไรลงคอ จะรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนบ่อยมากค่ะ จนครบ5วันเลยไปตรวจอีกครั้งแต่รอบนี้ไม่ใช่คุณหมอหูคอจมูกค่ะ(ปิดทำการ)คุณหมอตรวจโรคทั่วไป เลยวินิจฉัยว่าเป็นทอนซิลอักเสบค่ะ หนูเอะใจและอยากทราบว่า ขณะทานฆ่าเชื้ออยู่ทำไมถึงมาอักเสบอีกต่อมได้อีกค่ะ ขอบคุณคุณหมอ สำหรับคำตอบล่วงหน้าน่ะค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)