มีอาการถ่ายเหลวติดต่อกันเป็นเวลา1เดือน กับ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตครับ ผมมีเพศสัมพันธ์แบบเสี่ยงมาครับ หลังจากนั้นมีอาการท้องเสีย เวียนศรีษะ กล้ามเนื้อชาๆเหมือนไม่มีแรง ปวดเมื่อยตามตัวอ่อนๆ ต่อมน้ำเหลืองขาหนีบโตด้านขวา ปัสสาวะขัด ที่หนังหุ้มอวัยวะมีตุ่มขึ้น ผมจึงไปพบคุณหมอที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง คุณหมอบอกว่าผมเป็นหนองในแท้ กับ เริม แล้วให้ผมตรวจ anti-hivซึ่งเป็นลบครับ มีการอัลตราซาวด์ดูบริเวณท้องก็ปกติครับ กับ ตรวจเลือดดูการทำงานของตับหาไวรัสตับอักเสบซึ่งผลออกมาปกติครับ หมอจึงจัดยาแก้หนองใน เริม สำไส้อักเสบให้ครับ หลังจากนั้น2สัปดาห์ ก็ไปพบคุณหมอท่านเดิมซึ่งตรวจปัสสาวะไม่พบเชื้อหนองใน แผลเริมไม่เจ็บแล้วแต่ยังมีรอยแผลอยู่ อาการอื่นๆก็หายไปครับ แต่อาการถ่ายเหลวกับต่อมน้ำเหลืองโตที่ขาหนีบยังไม่หาย ในวันนั้นจึงทำการตรวจ pcr for hiv ครับ(หลังจากวันเสี่ยง14วัน) หมอก็นัดให้มาฟังผล1อาทิตย์ซึ่งผลที่ได้เป็นลบ คุณหมอจึงคิดว่าไม่ติดเชื้อhiv จากนั้นสั่งยา คลายกล้ามเนื้อ กับ ยาหยุดถ่ายเหลว เพราะคิดว่าผมน่าจะเครียดจึงทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน (จิตตกมากๆครับช่วงนั้น) หลังจากทานยาครบก็รู้สึกว่ายังถ่ายเหลวเหมือนเดิม ต่อมน้ำเหลืองก็ยังไม่ยุบ ผมจึงมารพ.หาหมอท่านเดิมคราวนี้คุณหมอจัดยา หลากหลายมากครับ ยาถ่ายพยาธิ ยาปรับสภาพลำไส้ ยาลดกรด ยาค่าเชื้อ ตอนนี้ทานยามา5วันแล้วแต่ถ่ายไม่เป็นก้อนอยู่ดีครับแต่รู้สึกว่ามีเนื้อมากขึ้น(ผมถ่ายวันละ1-2ครั้ง)และต่อมน้ำเหลืองยังไม่ยุบ ตอนนี้ก็รอให้ถึงวันนัดพบคุณหมออีกทีครับ ***แต่ระหว่างการรักษาผมก็ยังมีเพศสัมพันธ์กับหญิงคนเดิม มีการ oral sex แต่ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง (มีsexกันหลังจากหายเป็นหนองในเป็นต้นมาครับซึ่งฝ่ายหญิงก็ตรวจanti-hivผลเป็นลบ กับ รักษาหนองใน พร้อมๆกับช่วงที่ผมรักษาแต่รักษากันคนละที่กันครับ) ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามีอาการเริมขึ้นเลยซื้อยามาทานเองอาการดีขึ้นครับกะว่าครบกำหนดนัดหมอจะไปปรึกษาคุณหมออีกที อยากให้ช่วยวินิจฉัยทีครับว่าผมเป็นอะไร บางทีคุณหมอที่รักษาผมอยากตกหล่นหรือเป็นอะไรที่ท่านคิดไม่ถึง