หมอคะ คือปกติประจำเดือนหนูมาประมาณวันที่20กว่าของทุกเดือน เดือนที่แล้วปจด.หนูมาปลายเดือนตามปกติ แล้วพอหมดก็มีเพศสัมพันธ์หลังปจด.หมด1วัน ไม่ได้ใส่ถุง หลั่งนอก แล้วกินยาคุมฉุกเฉินเอา พอเดือนก.พ ต้นเดือนมีเพศสัมพันธ์อีก แต่ใช้ถุง วันต่อมามีปจด. แล้วมีเยอะมาก เกิดจากอะไรหรอคะ เป็นเพราะหนูกินยาคุมฉุกเฉินรึป่าว ถึงทำให้ปจด. มาเร็วมาก เพราะหนูหมดปจด.แค่4วันเอง

สวัสดีครับ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีผลข้างเคียงทำให้มีเลือดออกกระปริดกระปรอยทางช่องคลอดได้ครับ ถ้าหากมีเลือดออกมาทางช่องคลอดเล็กน้อยหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินก็จะเกิดจากผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินได้ แต่ถ้าหากมีเลือดออกมาในปริมาณมากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆหรือมีเลือดออกมาติดต่อกันนานเกิน 7 วันก็อาจเกิดจากความผิดปกติบางอย่างได้ครับ เช่น
- มีแผลในช่องคลอด
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- เนื้องอกบางอย่าง
เป็นต้น
ซึ่งถ้าหากเป็นในกรณีนี้หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

นอกจากนี้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินก็จะลดโอกาสตั้งครรภ์ได้ 75-85% เท่านั้นครับ หลังจากนี้จึงควรสังเกตดูว่าประจำเดือนจะมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไป ก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วัน รวมถึง รอบประจำเดือนปกติควรจะอยู่ในช่วง 24 - 35 วันนะคะ

ดังนั้น หากเลือดที่ออกมาปลายเดือนมกราคม (จากข้อมูลที่ว่า "เดือนที่แล้ว ปจด. หนูมาปลายเดือนตามปกติ") เป็นประจำเดือนจริง ๆ การที่ผู้ถามมีเลือดออกมามากจนชุ่มผ้าอนามัยอีกในช่วงนี้ ก็ถือว่าผิดปกติมาก และอาจทำให้เสียเลือดมากจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาเร่งประจำเดือนค่ะ และผลข้างเคียงที่อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทานยาก็ควรจะเป็นเพียงแค่หยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัยนะคะ

ดังนั้น แนะนำให้ผู้ถามไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมค่ะ

ไม่มั่นใจว่าแพทย์สั่งจ่ายยาดังกล่าวมาให้ผู้ถามเพื่อรักษาอาการปวดเฉียบพลันจากโรคเกาต์ หรือเพื่อป้องกันอาการปวดจากโรคเกาต์ เพราะในกรณีที่ใช้เพื่อป้องกัน ก็จะใช้ในขนาดต่ำเพื่อป้องกันผลข้างเคียงเรื่องท้องเสียอยู่แล้วนะคะ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีอาการถ่ายเหลวที่อาจเกิดจากยาที่ใช้ ก็จะต้องมีการแก้ไขให้เหมาะสมเพื่อลดผลข้างเคียงนั้น เช่นการปรับขนาดยา หรือการเปลี่ยนยา โดยแนวทางอาจแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ในการใช้ยาดังที่กล่าวไปข้างต้น รวมถึงความรุนแรงของอาการ และข้อมูลทางสุขภาพอื่น ๆ ของผู้ถามเอง

ดังนั้น แนะนำให้กลับไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาดังกล่าว และพิจารณาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมกับผู้ถามนะคะ