ฝังยาคุมกำเนิดมาปีกว่าและได้ทานยาสตรีไปวันนี้วันแรก หลังทานเพิ่งทราบทีหลังว่าอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาคุมลดลง อยากทราบว่าจำเป็นต้องทิ้งระยะการมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์กี่วัน ยาคุมจะกลับมามีประสิทธิภาพดีเหมือนเดิมต้องใช้เวลานานไหมคะ

ยาสตรีไม่ได้ลดประสิทธิภาพของยาฝังคุมกำเนิด จึงสามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกตินะคะ

อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้รับประทานยาสตรีต่อไปในขณะที่ฝังยาคุมกำเนิดอยู่ เพราะเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกค่ะ

ยาสตรีไม่มีผลต่อยาฝังคุมกำเนิดที่เป็นยาฮอร์โมนเดี่ยว คือฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนครับ
และไม่ควรทานยาสตรีครับ เนื่องจากจะทำให้เยื่อบุผนังมดลูกหนาตัวขึ้นได้มากกว่าปกติและอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ครับหากใช้บ่อยๆ

ฉะนั้นควรหยุดท่นยาสตรีครับ เนื่องจากอาจทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติได้จากากรไปรบกวนเยื่อบุผนังมดลูกครับ

และประสิทธิภาพของยาใังก้มากสุดแล้ว โดยสามารถคุมกำเนิดได้ มากกว่า99.7% จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทานยาคุมฉุกเฉิน หรือคุมกำเนิดอื่นๆร่วมครับ

เบื้องต้นหากกังวล ให้สังเกตถปรพจำเดือน หาก ขาดหายไปนานกว่าปกติเกิน7วัน สามารถตรวจการตังเครรภ์ทางปัสสาวะได้ครับ

ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้ผู้ถามมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและเกิดความกังวลนะคะ

1. ยาฝังคุมกำเนิดเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน โดยถือว่าผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 0.05% ค่ะ

2. ผลข้างเคียงเด่น ๆ ของการคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็น ยาฝังคุมกำเนิด, ห่วงอนามัยชนิดเคลือบฮอร์โมน, ยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน หรือยาคุมสูตรหญิงให้นมบุตร อาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนก็ได้

ดังนั้น การที่ไม่มีประจำเดือนมาในระหว่างที่ฝังยาคุมกำเนิด ไม่ได้บ่งชี้ว่ามีการตั้งครรภ์นะคะ โดยทั่วไปจึงไม่ได้แนะนำให้ผู้ที่ฝังยาคุมกำเนิดสังเกตการมาหรือไม่มาของประจำเดือน (ต่างจากการใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมที่ควรจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติ)

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความเสี่ยงน้อยมากที่จะตั้งครรภ์ในระหว่างที่มีผลป้องกันจากยาฝังคุมกำเนิด แต่หากผู้ถามกังวลใจ ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

3. ยาสตรีไม่ใช่ยาเร่งประจำเดือน แต่ผลข้างเคียงจากยาอาจทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้ จึงไม่จำเป็นว่าจะต้องมีประจำเดือนมาหลังหยุดรับประทานยา โดยเฉพาะถ้าผู้ถามไม่มีประจำเดือนมาจากผลข้างเคียงของยาฝังคุมกำเนิดอยู่แล้ว

และแม้ว่าจะมีเลือดออกกะปริบกะปรอย ก็คงระบุแน่ชัดได้ยากว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาสตรีหรือจากยาฝังคุมกำเนิดเอง อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเลือดออก แต่ไม่ได้มามากหรือนานผิดปกติ และไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็ไม่เป็นไร

แต่ถ้ามีเลือดออกมามากหรือนานผิดปกติ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ