สวัสดีค่ะ มีเพศสัมพันธ์กับเเฟนวันที่18มีนา(หลังประจำเดือนหมด1วัน) ใส่ถุงยางป้องกัน+กินยาคุมฉุกเฉินหลังจากนั้นประมาณ 5 ชม. ไม่ได้หลั่งในนะคะ เเต่ว่าวันที่23มีนา มีเลือดออกมาทางช่องคลอดนิดหน่อยเหมือนเป็นลิ่มๆ เเล้วก็ปวดท้องนิดหน่อย อย่างงี้คือมีโอกาสท้องมั้ยคะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่ได้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันอย่างถูกต้องแล้วจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ ในกรณีนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินตั้งแต่แรก และอาการเลือดออกที่เกิดขึ้นก็มักเป็นเพียงผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินเท่านั้นครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำให้รอสังเกตดูว่าประจำเดือนจะมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ถ้าใช้ถุงยางอนามัยถูกวิธี และตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล และไม่ต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เกิดผลข้างเคียงจากยาโดยไม่จำเป็นนะคะ

แต่ถ้าใช้ถุงยางไม่ถูกวิธี หรือพบว่าถุงยางรั่วซึมหรือฉีกขาด การรับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อเป็นวิธีป้องกันสำรอง ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม และอาจช่วยลดความเสี่ยงที่มีให้เป็น 15 - 25% แทนได้

ผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เจ็บคัดตึงเต้านม ไม่สบายท้อง หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ค่ะ แต่ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้มีอันตรายที่รุนแรงหรือถาวร

อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ถามมีเลือดออกมามากหรือนานผิดปกติ หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

ถ้าไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนของผู้ถามควรจะมาตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่มากค่ะ

ซึ่งถ้าไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ