สวัสดีค่ะพอดีหนูมีเรื่องหนักใจว่าหนูได้มีอะไรกันกับแฟนก่อนเมนมา3-4วัน(ใส่ถุงยางอนามัย)และได้เว้นระยะห่างเพราะเมนมาแล้วก็มีอะไรกันตอนเมนหมด(แต่ตอนมีอะไรกันครั้งล่าสุดยังมีเลือดติดอยู่ที่ถุงยางอนามัยหน่อยๆ)แต่พอหลังจากที่หนูมีอะไรกันครั้งล่าสุดจนถึงตอนนี้ก็9-10วันแล้วค่ะแล้วก็อยู่ดีๆหนูก็มีอาการเวียนหัวคลื้นไส้ขึ้นมาหลังจากนั่งรถไปข้าง(แต่ไม่รู้เป็นเพราะฝุ่นpm2.5หรือป่าวเพราะหนูเป็นภูมิแพ้)แล้วก็มีเลือดออกจากช่องคลอดของวันรุ่งขึ้นแล้วก็มีเลือดออกแบบนี้ได้2-3วันแล้วค่ะแล้ววันนี้หนูได้นั่งรถไปข้างนอกก็มีอาการเวียนหัวคลื้นไส้อีกรอบแล้วดมยาดมที่เคยดมก็รู้สึกเหม็น หนูอยากรู้ว่าหนูมีอาการแบบนี้มีสิทธิ์ตั้งครรภ์ไหมคะ

สวัสดีครับ
ถ้าหากได้ใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง โอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ก็มีเพียง 2% เท่านั้นครับ และการมีเลือดออกมาทางช่องคลอด คลื่นไส้ เวียนศีรษะก็ไม่ได้เป็นอาการที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์

ในกรณีที่ต้องการความมั่นใจจริงๆว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูได้ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ส่วนอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้นั้นก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- อาการเมารถ
- อาหารเป็นพิษ
- โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
- ความผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย
- การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ

และอาการมีเลือดออกผิดปกติทาฃช่องคลอดก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- มีระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- เนื้องอกบางอย่าง
เป็นต้น

สำหรับอาการผิดปกติเหล่านี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ถ้าหากถุงยางอนามัยมีการรั่วซึมก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากขึ้นครับ ซึ่งก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ตามช่วงเวลาที่หมอแนะนำไปเพื่อยืนยันให้แน่ใจได้ครับ