สวัสดีครับ ผมเคยอ่านโรคเกาต์ถ้าข้อเสียไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกจริงหรือเปล่าครับ แล้วลักษณะข้อเสียเป็นยังไงครับ

สวัสดีครับ สำหรับโรคเกาต์นั้นเป็นโรคข้อซึงเกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานจนตกตะกอน ทําให้เกิดข้ออักเสบครับ ไม่ใช่ข้อเสื่อม งงไหมครับ แต่ถ้าหากไม่รักษาโรคเกาต์และปล่อยไปนานๆ มีข้ออักเสบเรื้อรังนานๆ จะนำไปสู่โรคเกาต์ ระยะเรื้อรังที่มีก้อนโทฟัส (chronic tophaceous gout) กลายเป็นข้ออักเสบเรื้อรังหลายๆ ข้อ อาการอักเสบกำเริบรุนแรงมากบ้างน้อยบ้างสลับกันไป และมีการทำลายของกระดูกข้อต่อเพิ่มมากขึ้น ก็จะทำให้ข้อเสื่อมได้ครับ และถ้าข้อเสื่อมถ้าเสียแล้วโอกาสจะกลับมาเป็นปกติยากมากครับ แต่เราสามารถป้องกันหรือชะลออาการของข้อเสื่อมไม่ให้แย่ลงได้ครับ ถ้าหากมีการรักษาที่ถ่กต้อง ปล.ไม่แน่ใจคำว่าข้อเสียกับข้อเสื่อม ของคุณจะมีความหมายเหมือนกันหรือไม่

โรคเกาต์ สามารถแบ่งได้ 3 ระยะครับ 1.ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน คือเมื่อเกิดอาการปวดข้อขึ้นมาหรือกำเริบอีกครั้ง โดยทั่วไปสามารถหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ 2.ในขณะที่ผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่มีอาการปวดข้อจะเรียกว่า ระยะปลอดอาการ สุดท้ายหากปล่อยให้เกิดระดับกรดยูริกสูงบ่อยๆ จะนำไปสู่โรคเกาต์ ระยะเรื้อรังที่มีก้อนโทฟัส กลายเป็นข้ออักเสบเรื้อรังหลายๆ ข้อ อาการอักเสบกำเริบรุนแรงมากบ้างน้อยบ้างสลับกันไป และมีการทำลายของกระดูกข้อต่อเพิ่มมากขึ้นครับ ส่วนยาให้ รับประทานยาแค่ตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น ระหว่างนั้นก็ต้องคอยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยครับ เพื่อไม่ให้มปัจจัยไปกระตุ้นทำให้โรคเกาต์กำเริบขึ้นมาอีก ยกเว้นว่ามีข้ออักเสบกำเริบเป็นๆ หายๆ บ่อยกว่า 2 ครั้งต่อปี มีข้ออักเสบเรื้อรัง หรือมีปุ่มโทฟัสเกิดขึ้น อาจจะตัองใช้ยาลดกรดยูริค เพื่อละลายผลึกเกลือออกจากเนื้อเยื่อและป้องกันไม่ให้ตกผลึกเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะต้องรับประทานไปตลอด ถ้าหากยังไมไ่ด้ไปพบแพทย์แนะนำให้ไปพบแพทย์นะครับ เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

ก่อนอื่น ต้องเข้าใจก่อนค่ะว่าโรคเก๊าท์เป็นโรคของความผิดปกติของกรดยูริค เกิดผลึกยูริคสะสมอยู่ภายใน และภายนอกข้อ ทำให้เกิดการอักเสบของข้อชนิดเป็น ๆ หาย ๆ ทุกครั้งที่มีการอักเสบ ก็จะมีการทำลายผิวข้อ จนในที่สุดทำให้ข้อเกิดผิดรูป และสูญเสียการทำงานที่ปกไป แต่สามารถชะลอการสูญเสียการทำงานของข้อได้โดยการควบคุมโรคให้เกิดการอักเสบให้น้อยที่สุดค่ะ โรคนี้พบในอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป ข้อที่พบว่าเกิดโรคบ่อย คือ ข้อนิ้วหัวแม่มือและหัวแม่เท้า ข้อเท้า ข้อนิ้วมือ และข้อมือ สาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบ แต่พบว่าเนื่องจากมีกรดยูริคในเลือดสูง ซึ่งกรดยูริคในร่างกายได้มา 2 ทาง คือ จากอาหาร ได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ ปราซาดีน ขนมปังหวาน ปู กุ้ง หอย ดอกกระหล่ำ เห็ด และผักโขม เป็นต้น และจากร่างกายสร้างขึ้นมาเอง การรักษา คือ รับประทานยาค่ะ เพื่อต้านการอักเสบ และป้องกันการอักเสบของข้อ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค -ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ -เนื้อสัตว์ ปลาซาดิน ขนมปังหวาน ปู กุ้ง หอย -ดอกกระหล่ำ เห็ด หน่อไม้และผักโขม เป็นต้น -ควรควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้อ้วนจนเกินไป ต้องระวังการขาดสารอาหาร และพลังงานพวกคาร์โบไฮเดรต -งดดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพระจะทำให้การขับถ่ายกรดยูริคน้อยลง -ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 2-3 ลิตร/วัน ประมาณ 8-10 แก้ว ช่วยขับถ่ายกรดยูริคและป้องกันการเกิดนิ่วในไต -ควรระวังเรื่องอุบัติเหตุที่จะเกิดแก่ข้อ -ควรเข้าใจโรคเก๊าท์เป็นโรคเรื้อรัง แต่สามารถควบคุมได้ ถ้ารับประทานยาและปฏิบัติตนได้ถูกต้องสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดพิการของข้อ และสามารถใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปได้ค่ะ