May 27, 2019 07:56
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ อาการได้ยินเสียงดังกล่าว อาจจะเรียกว่า tinnitus ได้ครับ มันคือการได้ยินเวียงผิดปกติในหู เช่นได้ยินเสียง กรี๊งๆ วิ๊งๆ ได้ครับ
สาเหตุสามารถเกิดได้จาก
1.ความเสื่อม ตามอายุ คือ ในบางคนหูจะเริ่มเสื่อม ถ้าอายุ มากกว่า 60ปี
2.การได้รับเสียงดังมากเกินไป จะทำให้ได้รับความเสียหายต่อหูได้ครับ
3.การมีขี้หูอุดตัน อาจจะทำให้ได้ยินเสียงผิดปกติได้เช่นกัน
4.กระดูกชั้นกลาง และชั้นในมีปัญหา จะไม่สามารถตรวจได้จากภายนอก จะตรวจได้จากอุปกรณ์พิเศษเท่านั้นครับ
เบื้องต้นแนะนำให้ไปตรวจหูกับ แพทย์เฉพาะทางด้านหู คอ จมูก หรือ แพทย์ทั่วไปอีกทีครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
หูอื้อ/เสียงดังในหู สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ
ตั้งแต่
- หูชั้นนอก เช่น หูชั้นนอกอักเสบบวมแดง, ขี้หูอุดตัน, เนื้องอกของหู จนไปถึงเยื่อแก้วหูทะลุ
- หูชั้นกลาง เช่น หูชั้นกลางอักเสบ, ท่อที่เชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกลางและโพรงหลังจมูกผิดปกติ, หินปูนในหูชั้นกลาง
- หูชั้นใน เช่น ประสาทหูเสื่อมตามอายุ, เส้นประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันจากการได้ยินเสียงดังมากๆ, การได้รับยาที่มีผลข้างเคียงต่อหู, บาดเจ็บของกระโหลกศีรษะจนกระทบมาถึงหู, น้ำในหูไม่เท่ากัน, มีรูรั่วติดต่อระหว่างหูชั้นกลางกับหูชั้นใน รวมไปถึงการติดเชื้อของหูชั้นใน
- สาเหตุอื่นๆ เช่น เนื้องอกของเส้นประสาทหู, เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก, โรคเรื้อรังอื่นๆ ก็สามารถทำให้เกิดเสียงดังในหูได้ครับ
แนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านหูคอจมูกจะดีที่สุดครับ จะได้ซักประวัติ และตรวจหูอย่างละเอียด เพื่อวินิจฉัย และรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หูอื้อและมีเสียงในหูค่ะพอหูหายอื้อแต่เสียงในหูยังอยู่เป้นเพราะอะไรคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)