February 03, 2020 20:36
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
หมอขอตอบข้อ 1 และ 3 รวมกันนะครับ
- การฉีดยาคุมชนิด 1 เดือนนั้นจะทำให้ประจำเดือนมาในช่วงสัปดาห์ที่ 4 หลังจากฉีดยาคุมไปและก็อาจทำให้มีประจำเดือนมาน้อยกว่าปกติที่เรยเป็นได้ครับ แต่การที่มีเลือดออกมาในช่วงเวลานี้แล้วก็มีโอกาสที่จะเป็นประจำเดือนจริง ซึ่งก็บ่งบอกว่าไม่มีการตั้งครรภ์และก็จะสามารถไปฉีดยาคุมต่อตามนัดได้ครับ
ส่วนคำถามข้อ 2 นั้น ถ้าหากได้ตรวจการตั้งครรภ์ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจแล้วก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สวัสดีครับคุณหมอ เดือนที่แล้วแฟนผม มีประจำเดือนตั้งแต่ วันที่ 3-9 มกราคม แล้วก็มีเพศสัมพันธ์กันวันที่12 ไม่ได้ป้องกัน แต่หลั่งนอก และฉีดยาคุมวันที่12ช่วงเย็น เป็นยาคุมแบบฉีดชนิด 1เดือนครับ และหลังจากฉีดยา แฟนผมมีอาการ ปวดหัว คลื่นไส้บ้าง เพลียบ้าง คัดตึงหรือปวดเต้านมด้วย และหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 14วัน ก็คือวันที่26มกราคม ผมได้ให้แฟนตรวจครรภ์ โดยทำตามขี้นตอนทุกอย่าง แต่ผลออกมาคือไม่ท้องครับ แล้ววันที่1 กุมภา ที่ผ่านมาช่วงเย็น แฟนผมมีลิ่มเลือดไหลออกมา ซึ่งเป็นคล้ายๆตกขาวผสมกับประจำเดือนแล้วช่วงค่ำก็เป็นประจำเดือนมา แต่ว่ามาไม่มากนัก ไม่เหมือนเดือนก่อนๆ และวันนี้ วันที่3กุมภา ช่วงเย็นที่ผ่านมา แฟนผมบอกว่าประจำเดือนไม่มาแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจ ว่าหมดหรือยัง ซึ่งปกติแล้วแฟนผมจะมีประจำเดือนประมาณ 5-7วัน อยากถามหมอว่า 1. อาการที่กล่าวมาข้างต้นเป็นอาการข้างเคียงของการฉีดยาคุมหรือไม่ 2. หลังจากมีเพศสัมพันธ์14วันแล้วตรวจครรภ์จะมีผลที่เชื่อถือได้หรือไม่ 3.เลือดที่มาตั้งแต่วันที่1-3กุมภา เป็นประจำเดือนหรือไม่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)