สอบถามหน่อยค่ะ ยอมรับว่าตนเองเคยเป็นเริมครั้งแรกเมื่อประมาณช่วงเดือนมิถุนายน ปี61 ครั้งแรกที่เป็นมีไข้และมีตุ่มขึ้นบริเวรอวัยวะเพษเยอะมาก ทรมาณมาก แต่เนื่องจากตอนนั้นเรียนอยู่ต่างจังหวัดเลยไม่ได้ไปหาหมอ จนอาการดีขึ้นและหายไป แล้วหลังจากนั้น เวลาพักผ่อนน้อยร่างกายอ่อนเพลีย ก็จะเกิดเริมขึ้นมาซ้ำ แต่จะเป็นแค่ 1-2ตุ่มแค่นั้น ไม่รุนเเรงเท่าครั้งแรก แต่ตั้งแต่เป็นมา ไม่เคยทานยาหรือรับการรักษาเลยค่ะ คำถามก็คือ 1.ถ้าเราไปหาหมอตอนนี้ เราจะบอกกับหมอว่ายังไง ถ้าเค้าถามว่าทำไมเราไม่ไปหาหมอ หรือเราเคยทานยาอะไรหรือไม่ 2.แล้วเวาลาที่เป็นเริมกำเริบขึ้นมา จะมีอาการฉี่แสบขัด และมีหนองไหลมีกลิ่นจนต้องใส่แคร์ฟีค่ะ เพราะไหลมากกว่าตกขาว นี่ใช่อาการของเริมมั้ยคะ หรือเป็นอาการของโรคอื่นด้วย 3.เรามีลูกอายุ3ขวบกว่า เราควรปฎิบัติตัวยังไงกับลูกของเราคะ

สวัสดีครับ
เริมนั้นเป็นโรคที่เมื่อเป็นแล้วตุ่มน้ำจากเริมก็จะสามารถหายไปได้เอง แต่หลังจากนั้นเชื้อเริมก็จะเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในปมประสาททำให้เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงก็จะมีอาการของเริมกลับเป็นซ้ำได้เรื่อยๆครับ

1. ดังนั้นถึงจะเคยเป็นเริมมาก่อนและยังไม่ได้ไปพบแพทย์เพื่อรักษาก็สามารถแจ้งกับแพทย์ได้ว่ามีปัญหาโรคเริมกลับมาเป็นซ้ำบ่อยๆ เพื่อที่จะได้หาสาเหตุและหาทางป้องกันการกลับเป็นซ้ำครับ เนื่องจากอาการนี้เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว

2. ในช่วงที่เป็นเริมนั้นสามารถมีอาการปัสสาวะแสบขัดร่วมด้วยได้จากการที่ปัสสาวะมาสัมผัสโดนแผลที่เกิดจากเริม แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือการที่มีหนองออกมาด้วยซึ่งก็อาจต้องคิดถึงสาเหตุอื่นๆเอาไว้ด้วยครับ เช่น มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่แผลจากเริม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆ

3. สิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อมีอาการของเริมกำเริบ คือ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสตั่มน้ำจากเริม และคอยล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เริมติดต่อสู่ลูกหรือผู้อื่นครับ

โดยปกติแล้วโรคเริมจะไม่ทำให้เกิดอาการตกขาวผิดปกติร่วมด้วยครับ ดังนั้นถ้าหากมีอาการตกขาวผิดปกติร่วมด้วยก็ควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุของตกขาวเพิ่มเติม เนื่องจากในกรณีนี้มีโอกาสที่จะเกิดจากการติดเชื้อชนิดอื่นๆในช่องคลอดได้ครับ