สวัสดีค่ะ คุณหมอ มีคำถามเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ค่ะ ดิฉันฉีดยาคุมแบบ 1 เดือนเป็นครั้งแรก โดย ฉีดวันที่ 6 ของการมีประจำเดือน ( วันที่ 6/03 ) หลังจากนั้นได้มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน หลังจากฉีดยาคุม 15 วัน ประจำเดือนก็มาค่ะ ( วันที่ 22/03 ) ไม่ใช่เลือดออกกระปริบกระปรอย มีอาการปวกท้องประจำเดือนแบบที่ปวดทุกเดือน แบบนี้มีความผิดปกติมั๊ยคะ จะตั้งครรภ์มั๊ย หรือว่าเป็นหลกระทบจากยาคะ

ปกติเริ่มใช้เข็มแรกภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้เลย มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในได้ไม่ต้องใช้ถุงยางครับ

ฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจน+โปรเจสเตอโรน) จะฉีดทุก1เดือน หลังฉีด วันที่21เป็นต้นไป จะมีเลือดประจำเดือนตามรอบได้ครับ (คล้ายกินยาคุมแบบเเผง)
เเบบฮอร์โมนรวมถ้าหยุดฉีด เดือนถัดไป ไข่ตก มีลูกได้ตามรอบครับ
โดยปกติ จะประมาณหลังวันที่21จะมีประจำเดือน กรณีคนไข้มาเร็วกว่าปกติก็เป็นไปได้ครับ ถ้าออกเหมือนประจำเดือนปกติ สังเกตอาการได้ครับ
เเต่หากเลือดออกมากชุ่มผ้าอนามัย4-5ผืน ปวดท้องน้อยมากๆ ควรพบสูตินรีเเพทย์ครับ

สวัสดีครับ
เนื่องจากได้ฉีดยาคุมครั้งแรกภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน จึงทำให้ยาคุมมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรกครับ ในกรณีนี้จึงมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เพียง 0.2-6% เท่านั้นตามประสิทธิภาพของยาคุมครับ

ส่วนประจำเดือนในช่วงที่ฉีดยาคุชนิด 1 เดือนนั้นประจำเดือนควรจะมาในช่วงสัปดาห์ที่ 4 หลังจากฉีดยาคุมครับ แต่ถ้าหากมีเลือดออกมาในปริมาณมากก่อนหน้านี้ก็มีโอกาสที่จะมีสาเหตุจากความผิดปกติบางอย่างได้ครับ เช่น
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- เนื้องอกบางอย่าง
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ