ผมมีอะไรกับแฟนประมาณวันที่6กพอะครับแล้วทีนี้ใส่ถุงยางหลั่งนอก(ลองเอาถุงยางที่ใช้มาใส่น้ำแล้วไม่มีน้ำซึมครับ)และพอมาถึงอาทิตย์นี้ซึ่งวันนี้วันที่13ก.พ. มีอาการฉี่บ่อยตั้งแต่อาทิตย์(อ่านจากgoogleมาบอกว่าอาการของคนตั้งครรภ์)อะครับแล้วประจำเดือนมาปกติ14-16 อะครับ ผมควรทำยังไงดีครับซื้อที่ตรวจมาแล้วถ้าจะกินยาคุมต้องกินยาคุมประเภทไหนครับแล้วมีวิธีอื่นแนะนำมั้ยครับ

สวัสดีครับ
ถ้าได้มีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องแล้วก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ ในกรณีนี้จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์และไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมใดๆเพิ่มอีกครับ

หมอแนะนำง่าในตอนนี้ควรใจเย็นๆและรอสังเกตประจำเดือนต่อไปก่อนว่าจะมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

นอกจากนี้อาการปัสสาวะบ่อยก็ไม่ได้เป็นอาการที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์เช่นกัน แต่ก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- การดื่มน้ำมาก
- ผลจากการดื่มชา กาแฟ
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด
- โรคเบาหวาน
- โรคเบาจืด
- การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
- กระเพาะปัสสาวะทำงานไวเกิน
เป็นต้น
ซึ่งถ้าหากมีอาการปัสสาวะบ่อยมากผิดปกติ หมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

สวัสดีค่ะ

ถ้าใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง ตรวจแล้วไม่มีถุงยางรั่ว ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะมากถึง 98% หรือโอกาสตั้งครรภ์มีเพียง 2%เท่านั้นค่ะ โดยไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเลยค่ะ ส่วนอาการปัสสาวะบ่อยไม่ใช่อาการจำเพาะเจาะจงต่อการตั้งครรภ์ อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้ เช่น มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต โรคเบาหวาน โรคเบาจืด เป็นต้น เบื้องต้นแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจดูว่าปัสสาวะบ่อยเกิดจากอะไร และสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้เมื่อมีเพศสัมพันธ์ผ่านมาแล้ว 14 วันค่ะ

สวัสดีครับ
อาการปัสสาวะบ่อยนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุไม่จำเป็นต้องเกิดจากการตั้งครรภ์เพียงอย่างเดียวครับ เช่น ปัสสาวะบ่อยจากการดื่มน้ำมาก เบาจืด เบาหวาน การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น อย่างไรก็ตามการใช้ถุงยางอนามัยหากใช้อย่างถูกวิธีสามารถป้องกันได้ถึง 98% ครับ โอกาสในการตั้งครรภ์น้อยครับ ในกรณีนี้จึงแนะนำให้รอประจำเดือนที่กำลังจะมาครับ หากประจำเดือนไม่มาอาจลองทำการทดสอบการตั้งครรภ์เมื่อหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว 14 วันดูครับ หากทดสอบการตั้งครรภ์แล้วไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์ การขาดประจำเดือนอาจเกิดได้จากสาเหตุต่างๆ เช่น ความเครียด ไข่ไม่ตก ฮอร์โมนเพศผิดปกติ มีถุงน้ำในรังไข่หลายใบ เป็นต้น ถ้าประจำเดือนขาดเกิน 3 เดือน แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อรับการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมครับ

ในกรณีนี้การใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ก็ถือว่าเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ที่เพียงพอแล้วครับ จึงไม่มีความจติองใช้การป้องกันใดๆเพิ่มเติมอีกครับ

ถ้าประจำเดือนมาตามกำหนดตามปกติก็จะเป็นการยืนยันได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ แต่ถ้ามาเกินจากกำหนด หมอก็แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูตามที่หมอได้แนะนำไปครับ