June 23, 2020 13:07
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ถ้าได้มีการใช้ถุงยางอนามัยป้องกันอย่างถูกต้องแล้วโอกาสตั้งครรภ์ก็จะมีเพียง 2% เท่านั้นครับ และการที่ได้ตรวจการตั้งครรภ์ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปเกิน 14 วันแล้วก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้แล้ว ในกรณีนี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ และไม่จำเป็นต้องตรวจการตั้งครรภ์ซ้ำอีกครับ
ส่วนการบริจาคเลือดและการรับประทานยา Clindamycin ก็ไม่ได้มีผลทำให้ประจำเดือนเลื่อนครับ ในกรณีนี้ประจำเดือนที่มาช้าอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น มีระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา ความเครียด ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS) ไทรอยด์เป็นพิษ เป็นต้นครับ ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุก่อนโดยเฉพาะถ้าประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนหรือมีปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่บ่อยๆครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แล้วที่มีอาการ ปวดท้องหน่วงๆ ปวดหัว เวียนหัวบางครั้ง ตึงเต้านม *เป็นแบบนี้เกือบ 1อาทิตย์แล้ว* แต่ ปจด ก็ยังไม่มา เป็นเพราะอะไรคะ
มีอะไรกับแฟนเดือนที่แล้วตอนประจำเดือนมาวันสุดท้าย 24 เดือนพฤษภาคม ใส่ถุงนะคะ ปกติประจำเดือนจะมาตรงเกือบทุกเดือน ประมาณวันที่ 20 ของเดือน แต่เดือนมิถุนายน ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ วันที่19เดือนนี้ ไปตรวจการตั้งครรภ์ที่โรงบาล ผลออกมาไม่ท้องค่ะ แล้ววันที่20 เดือนมิถุนายนไปบริจาคเลือดมา อยากทราบว่าถ้าแบบนี้ท้องไหม ต้องตรวจซ้ำอีกรอบไหมคะ ตอนนี้มีอสการ คัดเต้านม ปวดหัว เวียนหัว หน่วงๆท้องค่ะ *สองสัปดาห์ที่แล้วทานยา clindamycin 300 ไป อยากทราบว่าที่ทานยาและบริจาคเลือดไป มีส่วนที่จะทำให้ประจำเดือนเลื่อนไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)