สวัสดีค่ะ คุณหมอ ดิฉันมีเรื่องจะสอบถามคืออาการของคุณแม่ค่ะ คุณแม่อายุ 54 ปี ตอนนี้ทานยาความดันเป็นประจำทุกวัน ทานยากระดูกเป็นบางครั้งเพราะคุณแม่ปวดเข่ากระดูกเข่าเสี่ยม เข้าเรื่อง คือคุณแม่มีอาการปวดท้องใต้สะดือมานานเป็นปีเวลาปวดจะปวดแบบบิดรุนแรงแต่พอทานยาเข้าไปอาการก็เริ่มหายทำแบบนี้มาเป็นปี ปวดท้องกินยาหายจะเป็นแบบนี้ตลอดแต่มันบ่อยเกินไปค่ะ จนเราเริ่มสงสัยว่ามันคือโรคกระเพาะรึเปล่า พอไปหาหมอโรงพยาบาลหมอก็ไม่ได้เช็คแบบละเอียดแค่สันนิษฐานว่าเป็นโรคกระเพาะจัดยามาให้ทาน แต่พอมาวันที่ 30/1/63 แม่ได้ทานเนื้อวัวเข้าไป แม่มีอาการปวดท้องรวมอาเจียน ใจสั่นเบื่ออาหาร เข้าวันที่ 31จนถึงปัจจุบัน อาการปวดท้องหาย ต่อมามีอาการปวดหลังรุนแรง ปวดลงหน้าขาและเป็นตะคริว เบื่ออาหาร มีอาการอยากอาเจียนเป็นช่วงๆ มือสั่น ใจสั่น อยากทราบว่าคุณแม่เป็นโรคอะไรกันแน่ จะได้พาไปรักษาถูกทางค่ะ

สวัสดีครับ ในกรณีนี้คงต้องแล้งอาการปวดท้องออกเป็น 3 ส่วนครับ 1. อาการปวดท้อง อาเจียน ที่เพิ่งเกิดขึ้นในวันที่ 30 มกราคมหลังจากที่รับประทานเนื้อวัวเข้าไปนั้นอาจทำให้สงสัยว่าเกิดจากอาการอาหารเป็นพิษหลังการรับประทานอาหารที่ไม่สุกสะอาดได้ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วก็จะทำให้มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารได้โดยเฉพาะในช่วง 1-2 วันแรกและอาการก็จะหายไปได้เอง 2. อาการปวดหลังร้าวลงขา อาการนี้มักจะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการปวดท้องแต่อาจเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหรือกระดูกสันหลังโดยตรงที่ไปกดทับเส้นประสาทมากกว่า ซึ่งก็จะต้องอาศัยการตรวจร่่งกายและเอ็กซเรย์กระดูกสันหลังประเมินอาการเพิ่มเติม 3. อาการปวดท้องใต้สะดือบิดๆที่เป็นมานานเป็นปี อาการนี้ก็อาจเกิดจากความผิดปกติของอวัยวะภายในได้หลายสาเหตุ โดยเฉพาะจากความผิดปกติของลำไส้ เช่น ลำไส้แปรปรวน ลำไส้อักเสบ ส่วนสาเหตุอื่นๆก็อาจเกิดได้จากการมีนิ่วในทางเดินปัสสาวะหรือจากการความผิดปกติของปีกมดลูกหรือรังไข่ได้ครับ ในกรณีนี้หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์อายุรกรรมเพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการปวดท้อง และพบแพทย์ศัลยกรรมกระดูกเพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการปวดหลังครับ