March 16, 2020 20:51
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ยา Teevir และยาคุม Yaz สามารถรับประทานร่วมกันได้โดยไม่มีผลรบกวนประสิทธิภาพของกันและกันครับ ในกรณีนี้จึงยังสามารถรับยาคุม Yaz ต่อได้
การมีเลือดออกผิดปกติมีระหว่างรอบเดือนอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- ผลจากการรับประทานยาคุมที่ไม่สม่ำเสมอ
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- เนื้องอกบางอย่าง
เป็นต้น
ซึ่งถ้าหากเลือดที่ออกมานั้นออกมาในปริมาณมาก หยุดยาก หรือมีเบือดออกผิดปกติอยู่บ่อยๆ หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมนะคะ
ยาต้านไวรัสบางชนิดอาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดได้ค่ะ โดยมีผลกระทบมากหรือน้อยแตกต่างกันไป ในกรณีของผู้ถาม ตัวยา Efavirenz ที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งใน TEEVIR อาจลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดที่ใช้ได้นะคะ
อย่างไรก็ตาม อ้างอิงตามหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการเลือกวิธีคุมกำเนิด (Medical Eligibility Criteria for Contraceptive Use) ปี ค.ศ.2016 ผลกระทบนี้ถือเป็น U.S. MEC = 2 (จากทั้งหมด 4 ระดับ) ซึ่งมีคำแนะนำว่า ในกรณีที่จำเป็นจะต้องใช้ ก็สามารถใช้ได้ แต่ควรมีการติดตามผล หรือพิจารณาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม
ซึ่งเมื่อดูรายละเอียดของผลกระทบระหว่างยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมกับตัวยา Efavirenz ที่ระบุไว้ในเอกสารดังกล่าว ก็ไม่ได้มีคำแนะนำใด ๆ เพิ่มเติมค่ะ (ต่างจากในกรณีที่มีผลกระทบกับยาบางตัวในระดับ 3 ที่แนะนำให้ปรับสูตรยาคุมให้มีปริมาณฮอร์โมนที่เหมาะสม หรือเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิดที่จะไม่มีผลกระทบดังกล่าว)
แต่เมื่อมีปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอย และไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็อาจเป็นตัวชี้วัดว่าระดับฮอร์โมนที่ได้จากยาคุมอาจลดลงจากผลของยาต้านไวรัสที่ใช้อยู่ โดยเฉพาะเมื่อผู้ถามรับประทานยาคุมติดต่อกันมา 7 - 8 แผงแล้ว และรับประทานแผงนี้ตรงเวลาสม่ำเสมอ อีกทั้งไม่เกิดปัญหาเลือดกะปริบกะปรอยมาก่อนที่จะมีการใช้ยาต้านไวรัสร่วมด้วย
แต่แม้ว่าระดับยาคุมอาจลดลงจากผลของยาต้านไวรัสจริง เมื่อผู้ถามป้องกันด้วยถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้ง ก็ยังไม่น่าจะกังวลนะคะ เพราะถ้าประสิทธิภาพของยาคุมลดลงจนไม่อาจป้องกันได้ ก็ยังมีผลป้องกันจากถุงยางอนามัยช่วยลดความเสี่ยงได้อยู่
สำหรับยาคุมแผงนี้ แนะนำให้รับประทานต่อจนครบ 28 เม็ดนะคะ แต่เพื่อความปลอดภัย ควรใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วยไปก่อน
และเนื่องจากผู้ถามมีการใช้ยาต้านไวรัสแค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ดังนั้น อาจไม่จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนสูตรยาคุมที่ใช้ก็ได้นะคะ เพียงแต่ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยในช่วงเวลาที่จำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัสอยู่ เพื่อเป็นวิธีป้องกันสำรองค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะมีเรื่องจะสอบถามพอดีกินยาคุมyaz 7-8 เดือนแล้วค่ะ ของเดือนมีนาคมเริ่มกินวันที่24 กุมภาพันธ์ พอดีเกิดเหตุการณ์โดนน้ำเกลือที่ฉีดล้างแผลคนไข้ที่ผลเลือดเป็น weakly positive กระเด็นเข้าตา หมอเลยให้กินต้านเป็นยา teevir 28 เม็ด เริ่มกินตั้งแต่วันที่3 มีนาคม กินตอน5 ทุ่มตรงของทุกวัน ส่วนยาคุมกินในเวลา8โมงเช้าของทุกวัน มีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่7-8 มีนาคม ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง. พอมาวันนี้กินยาคุมได้เม็ดที่21 มีเลือดสีน้ำตาลออกมา อยากทราบว่าเกิดจากอะไร และต้องกินยาคุมกำเนิดต่อไปให้ครบ28เม็ดหรือไม่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)