November 08, 2018 23:50
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการของผู้ที่เป็นโรคเริม มักจะค้นพบตุ่มแดง ๆ ใส ๆ เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ อีกทั้งยังคงรู้สึกคัน และมีอาการปวดแสบปวดร้อนตลอดเวลา
>โรคเริมที่ อวัยวะเพศ เกิดขึ้นได้เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส Herpes โดยทางสัมผัสกับตุ่มของคนที่เป็นมาก่อนโดยตรง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
>เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายและทำการฟักตัวภายใน 2 – 10 วัน และหลังจากนั้นก็จะเกิดเป็นตุ่นน้ำใส ๆ ขึ้นเป็นกลุ่มบริเวณอวัยวะเพศอย่างรวดเร็ว ซึ่งตุ่มน้ำใส ๆ นี้จะทำให้เกิดอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน แต่จะแห้งและหายไปภายใน 7-10 วัน
>คนที่เคยเป็นแล้ว จะไม่หายขาด แต่จะมีช่วงที่อาการสงบค่ะ ความเครียด การพักผ่อนน้อยเป็นอีกสองสาเหตุ ที่ทำให้เกิดโรคเริมซ้ำได้เช่นเดียวกัน
>>การรักษา โรคเริมที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ถือได้ว่าไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่อย่างใด หลังจากที่เป็นประมาณ 2 สัปดาห์ โรคเริมจะค่อย ๆ แห้งและหายไปเอง แต่ถ้าหากต้องการหายจากโรคเริมอย่างรวดเร็ว สามารถเลือกซื้อยาต้านเชื้อไวรัสเฉพาะที่ มาทาบริเวณที่เกิดโรคเริมได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งผู้ป่วยยังคงสามารถรับประทานยาอะไซโคลเวียร์ร่วมด้วยได้ (ทานยาประมาณ 5 วันค่ะ) และถ้าหากมีอาการปวดมาก ยังคงสามารถประคบด้วยน้ำเกลือหรือน้ำเย็นที่บริเวณแผล วันละประมาณ 4-5 ครั้ง เพื่อช่วยลดอาการปวดให้ลดลงได้นั่นเอง
ดังนั้น แนะนำว่าให้ใจเย็นๆ และหมั่นรักษาสุขอนามัยบริเวณนั้น และงดมัเพศสัมพันธ์ข่วงนี้นะคะ รวมถึง รักษาคู่นอนด้วยค่ะ
สำหรับการดูแลสุขอนามัยที่ดีของบริเวณอวัยวะเพศ คือ การรักษาความสะอาดอยู่เสมอค่ะ
-เวลาล้าง ล้างด้วยน้ำสะอาดก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์หรือการสวนล้างช่องคลอดใดๆ หรือใช้สบู่อ่อนๆล้างรอบนอกอวัยวะเพศก็เพียงพอ
-ไม่แนะนำให้สวนล้างบ่อยๆ เนื่องจากช่องคลอดจะเสียสมดุลแบคทีเรียที่มีอยู่ตามปกติ และจะเป็นเชื้อราได้ง่าย
- ทำความสะอาดหลังปัสสาวะและหลังจากมีเพศสัมพันธ์
-เวลาเช็ดอวัยวะเพศหลังขับถ่าย ควรเช็ดจากหน้าไปหลัง
-กางเกงในไม่ควรคับ และแห้งไม่อับชื้น
- มีคู่นอนแค่คนเดียว และถ้าหากมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ควรป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เช่น การใส่ถุงยางอนามัย ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การเป็นเริมนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วตัวโรคมักจะมีการเกิดขึ้นอย่างจำกัดในเฉพาะบางจุดโดยจะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสเกิดขึ้นมา มีผู้ที่ป่วยเป็นเริมน้อยรายมากๆที่การติดเชื้อจะลุกลามมากขึ้นครับ
อาการของเริมโดยส่วนใหญ่มักหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานยาใดๆ แต่ถ้าหากได้รับประทานยาต้านเริม ระยะเวลาที่เป็นโรคก็อาจลดลงได้ 2-3 วันครับ
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะได้รับการรักษานั้นควรจะมีการตรวจประเมินอาการจากแพทย์ก่อนว่าเป็นเริมจริงและจะไม่มีการติดเชื้อลุกลามครับ หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์ก่อน ยังไม่ควรซื้อยารับประทานเองครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบพระคุณสำหรับคำตอบนะคะ เนื่องจากอาการที่เป็นอยู่คล้ายๆแผลร้อนในๆช่องปากแต่ขึ้นที่อวัยวะเพศ แบบนี้คือเริมใช่มั๊ยคะ รู้สึกกังวนมากๆค่ะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
การที่จะวินิจฉัยว่าเป็นเริมได้จะต้องอาศัยการตรวจร่างกายเพื่อประเมินลักษณะของตุ่มน้ำให้แน่ชัดก่อนครับ และในกรณีที่ตุ่มน้ำมีลักษณะไม่ชัดเจนก็อาจต้องมีการเก็บตัวอย่างตุ่มน้ำไปตรวจเพิ่มเติมด้วย
หมอจึงแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการก่อนครับ เพราะอาการจากการบอกเล่าเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอที่จะยืนยันการวินิจฉัยได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะอาการเริมที่อวัยวะเพศเป็นโรคร้ายแรงมั๊ยคะ หากไม่ได้ไปหาหมอสามารถมียาตัวไหนกินแล้วหายได้บ้างมั๊ยคะ เนื่องจากเวลาปวดฉี่แสบมากเลยค่ะ แล้วเวลาเดินต้องเดินช้าๆ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)