กินยาคุมแบบรายเดือนมาประมาณ 8เดือน แต่เดือนนี้กินไปครบแล้ว รอประจำเดือนมา มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตอนคืนวันศุกร์แล้วก็อีกครั้งวันเสาร์ใส่ถุงยางป้องกันทุกรอบ แต่ไม่เสร็จทุกรอบและไม่มีน้ำ มีอะไรกันช่วงที่ไข่ตก มีเลือดไหลแบบกระปริบกระปรอย เป็นวงๆแล้วก็ไหลเยอะ แต่ไม่เยอะเท่าประจำเดือนมาวันแรก เลือดออกเป็นสีชมพูอ่อนๆแบบนี้มีโอกาสท้องไหมคะ

สวัสดีครับ
ในช่วงที่รับประทานยาคุมอยู่ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 0.3-9% เท่านั้นโดยไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยครับ แต่ถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยแลเวโอกาสตั้งครรภ์ก็จะยิ่งน้อยลงไปอีกในกรณีนี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ครับ

อาการเลือดออกกระปริดกระปรอยนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- มีระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ทีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- การมีเนื้องอกบางอย่าง
ในกรณีนี้ถ้ามีอาการเลือดออกผิดปกติเกิดขึ้นบ่อยๆหรือมีเลือดออกมาในปริมาณมาก หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมก่อนครับ

หากสวมถุงยางอนามัยป้องกันทุกครั้ง ก้ไม่ทีความเสี่ยงตั้งครรภ์ครับ หากไม่มีถุงยางฉีกขาดหรือหลุดออกครับ

เบือดที่ออกอาจเกิดได้จากฮอร์โมนเพศ เนื้องอกมดลูก ซีสต์รังไข่ เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เป็นต้นครับ

ถ้าผู้ถามใช้ยาคุมรายเดือนถูกต้อง ก็ไม่ควรจะมีไข่ตกในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาค่ะ

หากมีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนอยู่ ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% หรือค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล ถ้ารับประทานยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ

และหากใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงปลอดฮอร์โมนของแผง เช่น ถ้ายาคุมที่ใช้เป็นยาคุมแบบ 21 เม็ด (จากข้อมูลที่ว่า "เดือนนี้กินไปครบแล้ว รอประจำเดือนมา") ตามปกติ เมื่อหมดแผงแล้วจะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อแผงใหม่ ประจำเดือนก็ควรจะมาในช่วงที่เว้นว่าง โดยมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดคลื่อนเล็กน้อย

ซึ่งประจำเดือนปกติ ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ และถ้ามีประจำเดือนมาในช่วงปลอดฮอร์โมนดังที่กล่าวไปนี้ ก็ถือว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้วนะคะ