March 16, 2017 18:14
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สำหรับการรักษาสิวคร่าวๆ ขั้นแรกต้องรักษาความสะอาด ล้างหน้าให้สะอาด ซักปลอกหมอน หลีกเลี่ยงมลภาวะจากฝุ่น หลีกเลี่ยงการสัมผัส ไม่ควรขัดหน้าบ่อยหรือถูกหน้าแรง ดูแลเรื่องอาหารการกิน กินอาหารให้ครบห้าหมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการนอนดึกหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด
สำหรับยาภายนอก ถ้าเป็นสิวอุดตันให้ทา Benzoyl Peroxide ขนาด 2.5% ทิ้งไว้20 นาที ก่อนอาบน้ำ ในบริเวณที่เป็นสิวอุดตัน เช้า-เย็น ช่วงแรกของการใช้อาจรู้สึกแสบ ถ้าแสบให้ทิ้งไว้เพียง 10 นาทีก็พอ หลังจากนั้นเมื่อใช้ไปได้ระยะเวลาหนึ่ง ให้เพิ่มขนาดของยาเป็น 5% แล้วก็ทาเหมือนเดิม คือทิ้งไว้ 20 นาทีก่อนอาบน้ำ ยานี้จะมีฤทธิ์ละลายหัวสิวที่อุดตัน อาจใช้เวลานาน ขึ้นอยู่กับสภาพของผิวในแต่ละคนด้วย หลังอาบน้ำให้ใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Clindamycin ซึ่งจะมีในรูปแบบน้ำและเจล ขึ้นอยู่กับว่าสะดวกแบบไหน ยาตัวนี้จะออกฤทธิ์ได้ดีกับสิวอักเสบ หรือถ้าทาบริเวณที่เป็นสิวอุดตันจะเป็นการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ ซึ่งจะนำมาสู่การเกิดสิวอักเสบในภายหลังได้ สำหรับสิวอักเสบให้ใช้ยาแต้มสิว หรือ Salicylic acid 2% แต้มบริเวณสิวอักเสบ โดยเฉพาะที่มีหัวหนอง มันจะช่วยให้ยุบเร็วขึ้น จากที่กล่าวไปทั้งหมดแล้วหลังใช้ยาทั้งสามตัวเป็นเวลาระยะหนึ่ง สิวบางเม็ดมีลักษณะแข็งเกินกว่าที่จะใช้ยาช่วยละลายให้ผุดออกมาตามธรรมชาติ อาจใช้วิธีการกดร่วม แต่ควรเป็นสิวหัวเปิดที่ไม่อักเสบเท่านั้น การกดสิวถ้าไม่ชำนาญ ควรให้ทางคลินิกโรคผิวหนังหรือคนที่ชำนาญกดออก มิเช่นนั้นอาจจะติดเชื้อ แล้วกลายเป็นสิวอักเสบได้ สำหรับสิวที่เป็นลักษณะผดผื่น คือยุบๆหายๆ มีลักษณะคัน อาจจะเป็นสิวที่เกิดจากยีสต์ ควรพิจารณาใช้ Ketoconazole cream ทา หรือยาในกลุ่มที่ฆ่าเชื้อรา ซึ่งมีอยู่หลายตัว สามารถใช้ได้เหมือนกัน สำหรับในรายที่เป็นสิวมาก หรือรักษาโดยวิธีดังกล่าวแล้วไม่หาย อาจพิจารณาเป็นยากิน คือ Acnotin ซึ่งเป็นยาที่ทำให้ต่อมไขมันฝ่อแบบถาวร ซึ่งจะช่วยยับยั้งต้นเหตุของการเกิดสิวอุดตันโดยตรง ทั้งนี้ต้องกินเป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 4 เดือน แต่ยานี้ไม่ควรซื้อมากินเอง เพราะค่อนข้างอันตราย มีผลข้างเคียงเยอะ ที่เด่นชัดเลยคือ ผิวแห้ง ปากแห้ง ทำให้เด็กในครรภ์พิการในกรณีสตรีที่ท้องอยู่ และถ้ากินเกินขนาดหรือเป็นเวลานานมากๆจะมีผลต่อตับได้ ยานี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกิน หรือเรียกว่า ยานี้เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับการรักษาโดยวิธีอื่นๆไม่ได้ผล
ส่วนวิธีรักษาตากุ้งยิงเริ่มแรกให้ดูแลตนเองเบื้องต้น โดยการงดใช้เครื่องสำอาง งดใส่คอนแทคเลนส์ ห้ามบีบ และเช็ดขอบตาบริเวณที่เป็นด้วยน้ำอุ่นวันละ2ครั้ง เช้า เย็น โดยเช็ดจากหัวตาไปยังหางตา หลังประคบตาใช้ยาป้ายตาหรือยาหยอดตาปฏิชีวนะ (ควรปรึกษาเภสัชกรในกรณีซื้อยาเองจากร้านขายยา) ถ้ายังเจ็บอยู่ ก้อนไม่ยุบควรพบแพทย์ เพราะอาจจะจำเป็นต้องผ่าเอาหนองออก ถ้าปวดให้กินยาแก้ปวด กรณีมีหนังตาบวมแดงมาก หรือมีต่อมน้ำเหลืองโตที่หน้าหูร่วมด้วย อาจจะพิจารณายาปฏิชีวนะแบบชนิดกินตามแพทย์สั่ง
ปกติแล้วตากุ้งยิงหายเองได้ภายใน1-2สัปดาห์ แต่ถ้าก้อนยังไม่ยุบแม้ใช้ยาแล้วตามคำแนะนำเภสัชกร ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาโดยการผ่าเอาหนองออก
**อาการดังต่อไปนี้ ผู้ป่วยควรรีบไปแพทย์ในทันที ได้แก่ อาการแย่ลงหรือไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์, ก้อนมีขนาดใหญ่มากและเจ็บตา, ก้อนที่เปลือกตาพบว่ามีเลือดออก, พบตุ่มน้ำเกิดขึ้นที่เปลือกตา, เปลือกตามีแผลตกสะเก็ด, เปลือกตาแดงหรือตาแดงทั่วไปหมด, สายตาผิดปกติ, มีอาการแพ้แสงแดด และกุ้งยิงกลับมาเป็นซ้ำอีกภายหลังจากรักษาจนหายดีแล้ว
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เป็นสิวเรื้อรังค่ะ ทำไงถึงจะหาย และก็เป็นตาปวมๆๆแดงๆคล้ายๆๆตากุ้งยิงค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)