ไม่ได้ใส่ถุงยาง แต่ไม่ถึงจุดสุดยอดจะท้องมั้ย กินยาคุมฉุกเฉิน เดือน2ครั้ง อันตรายมั้ย?

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่โดยไม่ป้องกันนั้นถึงจะไม่มีการหลั่งก็อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4-22% ครับ

ในกรณีนี้จึงควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก่อนเพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% ครับ โดยที่การรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีข้อจำกัดว่าห้ามรับประทานเกินกี่ครั้งต่อเดือนเพียงแต่ว่าการรับประทานยาคุมฉุกเฉินติดต่อกันก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่มากขึ้นได้เล็กน้อย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม ตกขาวมากขึ้น มีเลือดออกผิดปกติ ซึ่งก็มักไม่ได้อันตรายครับ

1.การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ใส่ถุงยางเเม้ไม่ได้หลั่งใน เเต่มีการหลั่งนอก ซึ่งมีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีโอกาสท้องครับ เนื่องจากขณะสอดใส่อาจมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นฝ่ายชายได้ครับ

ก่อนหน้าการมีเพศสัมพันธ์รอบนี้ ถ้าไม่ได้กินยาคุมหรือฉีดยาคุม\ฝังยาคุมอยู่ก่อน
เเละถ้ายังไม่เกิน120ชม. นับจากการมีเพศสัมพันธ์ ครั้งนี้ให้พิจารณายาคุมฉุกเฉินครับ ถ้าช้าจาก 120 ชม.กินยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ทันเเล้วครับ ให้รอประจำเดือนรอบถัดไปเลยครับ ถ้ามาก็คือไม่ท้องครับ

การพิจารณายาคุมฉุกเฉินเเนะนำดังนั้ครับ
- ถ้าก่อนหน้านี้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ มีเพศสัมพันธ์ช่วง ก่อน7วันถึงหลัง7วัน นับจากวันที่ประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นระยะปลอดภัย ไม่มีไข่ตก โอกาสท้องน้อยมาก ก็อาจไม่ต้องกินยาคุมฉุกเฉินก็ได้ครับ ก็ให้รอประจำเดือนรอบถัดไปเลย ถ้ามาตามรอบก็คือไม่ท้องครับ
- เเต่ถ้าเดิมประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ กะเวลาตกไข่ยาก หรือมีเพศสัมพันธ์ไม่ไ้ป้องกันช่วงที่ไม่ใช่ระยะปลอดภัย โดยเฉพาะ14วันนับจากประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นช่วงไข่ตก โอกาสท้องจะมากกว่า กรณีนี้เเนะนำปรึกษาเภสัชกรเรื่องยาคุมฉุกเฉินครับ
- ถ้าไม่ชัวร์เรื่องรอบประจำเดือน เเละกังวล ก็เเนะนำให้กินยาคุมฉุกเฉินครับ

2.การกินยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆ ถ้าจำเป็นต้องกินก็กินครับ ไม่ได้มีผลข้างเคียงรุนเเรง เเต่จะมีเลือดออกกระปริบกระปรอย คลื่นไส้ได้ ประจำเดือนเลื่อน
เเต่ดีกว่าคือ การใช้ถุงยางอนามัย หรือ อื่นๆเช่น ยากินเเผงรายเดือน ยาฉีด หรือยาฝังคุมกำเนิดเป็นต้นครับ

1. ไม่ได้ใส่ถุงยาง แต่ไม่ถึงจุดสุดยอด จะท้องมั้ย

ถ้ามีการสอดใส่โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่ไม่มีการหลั่งในช่องคลอด โดยทั่วไปก็จะถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ตามวิธีหลั่งนอกค่ะ

ถ้าเทียบกับการป้องกันด้วยถุงยางอนามัย ซึ่งถ้าใช้ถูกวิธี และไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด ที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ก็จะเห็นได้ว่าการหลั่งนอกมีความเสี่ยงสูงกว่า จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์

ครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายหญิงไม่ได้มีการคุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานใด ๆ อยู่ และยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร ฝ่ายชายก็ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งนะคะ

2. กินยาคุมฉุกเฉินเดือนละ 2 ครั้ง อันตรายมั้ย

ผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เจ็บคัดตึงเต้านม ไม่สบายท้อง หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ค่ะ แต่แม้จะพบ ก็จะหายไปเองในไม่กี่วัน

ยังไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือใดที่ชี้ชัดได้ว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินทำให้มีอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ นะคะ ดังนั้น หากจำเป็น ก็สามารถใช้ได้

อย่างไรก็ตาม ด้วยประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานมาก การนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ จึงเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จ และอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็น

จึงควรใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งไม่สามารถคุมกำเนิดล่วงหน้าได้ เช่น ในกรณีที่ถูกข่มขืน หรือใช้เมื่อเกิดความผิดพลาดจากวิธีคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ เช่น ถุงยางฉีกขาด ไม่ควรนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้เพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัย หรือเพียงเพราะไม่อยากคุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานอื่น ๆ นะคะ
..
..
..
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ถ้ามีเพศสัมพันธ์ไปแล้วโดยไม่ป้องกัน หรือป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ก็สามารถใช้ยาคุมฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงที่มีได้ค่ะ โดยรับประทานให้เร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจช่วยลดความเสี่ยงให้เป็น 15 - 25% ได้ถ้าใช้ครบขนาดและทันเวลา

และถ้าไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ