April 20, 2018 16:04
ตอบโดย
ตรัย ธารพานิช (เภสัชกร)
ยาแก้แพ้ จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก
1. รุ่นที่1 (ง่วง) จะพบบ่อยในท้องตลาดชื่อ คอลเฟนนิรามีน (CPM) หรือ บอมเฟนนิรามีน เป็นต้น กลุ่มนี้จะมีฤทธิ์แก้แพ้ ลดอาการคัน ลดสารคัดหลั่ง ทำให้น้ำมูกแห้งได้ดี กลุ่มนี้จะมีผลข้างเคียงหลักคือ ง่วง ปากแห้ง คอแห้ง เเละ อาจจะทำให้ความดันโลหิตสูงได้ถ้ากินในระยะยาว
เพราะฉะนั้นยากลุ่นนี้
ไม่แนะนำให้กินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ในคนไข้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง
เพิ่มเติมในคนไข้กลุ่มเฉพาะที่ไม่แนะนำให้กินยาแก้แพ้กลุ่มที่ 1 คือ ในคนไข้ที่มียาประจำที่มีฤทธิืกดระบบประสาท หรือ เป็นดรคทางระบบประสาท อาจจะทำให้มีอาการง่วงมากขึ้น หรืออาจจะมีความเสี่ยงเกิดอาการเกร็งกระตุกมากขึ้น ไม่แนะนำให้ใช้ในคนที่มีน้ำมูกจากไซนัสอักเสบ เพราะอาจจะทำให้น้ำมูกแห้งที่โพรงไซนัสทำได้ขับออกมาได้ยากขึ้น จะทำให้ปวดได้
2. รุ่นที่2 (ไม่ง่วง) กลุ่มนี้จะมีฤทธิ์แก้แพ้เด่น ไม่พบผมข้างเคียงในระยะยาว ก้จะมีฤทธิ์ลดสารคัดหลั่งน้อยกว่ากลุ่มที่ 1 และ ไม่มีผลเพิ่มความดันโลหิต ทำให้ใช้ได้ปลอดภัยในระยะยาว
สรุปคือ ถ้าหากจำเป็นต้องกินติดต่อเป้นระยะยาว แนะนำให้กินยาแก้แพ้กลุ่มที่ 2 ที่สำคัญที่สุด และแนะนำให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย เพื่อจะได้ประเมินสาเหตุของอาการแพ้ เพื่อรักษาได้ตรงจุดมากขึ้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สวัสดีครับคุณหมอ ขอเรียนถามคุณหมอดังนี้ครับ อยากทราบว่า ยารักษาลมพิษ ควรทานยาอะไรที่ปลอดภัยที่สุดผลข้างเคียงน้อยที่สุดครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)