May 25, 2020 20:26
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
1. โดยปกติแล้วต้องรับประทานยารักษากรดไหลย้อนต่อเนื่องอย่างน้อย 1-2 เดือน ร่วมกับการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารครับ อาการจึงจะดีขึ้นและมีโอกาสหยุดยาได้ แต่ถ้าอาการไม่หายในระยะนี้ก็อาจต้องส่องกล้องเพื่อหาสาเหตุอื่นเพิ่มเติมด้วย ในกรณีที่ไม่ได้มีความผิดปกติอื่นและจำเป็นต้องรับประทานยาในระยะยาวก็ไม่ได้มีอันตรายครับ
2. เมื่ออาการหายขาดและหยุดยาได้ ก็สามารถกลับมารับประทานอาหารเสริมเหล่านี้ได้ครับ
3. แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อนเพราะอาจกระตุ้นอาการของกรดไหลย้อนได้ครับ และโดยปกติถ้ายังรับประทานอาหารครบ 3 มื้อก็ยากที่จะขาดสารอาหารครับ
4. แนะนำให้เลี่ยงไปก่อนเพราะอาจกระตุ้นอาการกรดไหลย้อนครับ
5. การเบ่งอุจจาระไม่ค่อยมีผลให้อาการกรดไหลย้อนเป็นมากขึ้นครับ ถ้าจะมีการเบ่งบ้างก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าทวารหนักมีแผลและมีลักษณะที่เป็นติ่งเนื้อยื่นออกมาต้องดันกลับด้วยก็มีโอกาสที่จะเป็นริดสีดวงทวารได้ครับ แนะนำให้ไปพบแพทย์ก่อนจะดีกว่าครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เป็นกรดไหลย้อนขึ้นกล่องเสียง เสียงแหบ จุกคอ เริ่มเป็นกลางเดือนมีนาคม 63 ต่อมามีอาการ หูอื้อ ลมออกจากหู ปวดจมูก มึนศีรษะ และเริ่มอาเจียน ท้องเสีย วันที่ 27 มีนาคม แอดมิด 29มีนา ถึง 2 เมษา ไม่มีอาการปวดท้อง หรือแสบร้อนหน้าอก หมอตรวจเลือด อุจจาระ ปัสสาวะ เอ็กซ์เรย์ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ผลปกติ หมอบอกว่าอาจเป็นโรคกระเพราะ ให้ยากลับบ้านคือ ulcefate และ motilium (แพ้ยากลุ่ม PPI ) ทาน 1 สัปดาห์ อาการดีขึ้นมาก ต่อมาประมาณกลางเดือนเมษา ทานพริกและ ถั่ว นอนดูทีวีทั้งวัน อาการกลับมาคือจุกคอ คลื่นไส้ อาเจียน เลยไปหาดูในเน็ต พบว่าตัวเองเป็นกรดไหลย้อน เลยปรับพฤติกรรมทั้งหมด ทานอาหารอ่อน จืด ข้าวต้ม ผักต้ม ปลานึ่ง น้ำลูกสำรอง โปรไบโอติก และเอนไซม์ และชื้อยามาทานตามเดิม ผ่านไป 1 สัปดาห์อาการดีขึ้นประมาณ 70% แต่เพราะผลข้างเคียงของยา ulcefate ทำให้ยังมีอาการคลื่นไส้ ง่วงซึม หายใจเหนื่อย เลยอยากลดยา ไปปรึกษาหมอเฉพาะทางวันที่ 11 พค เปลี่ยนยาจาก motilium เป็น gasmotin และให้ ulcefate ตามเดิม 2 สัปดาห์ และให้ค่อยๆ ลดยาเอง แต่ลดยาแล้ว อาการเริ่มกลับมาเลยทานต่อ คำถามคือ 1. ยาที่ทานอยู่สามารถทานต่อได้นานเท่าไหร่คะ เกรงจะส่งผลระยะยาว ตอนนี้เพิ่งปรับพฤติกรรมได้ 1 เดือน ค่ะ ร่างกายจะปรับตัวให้ลดยาได้ปกติกี่เดือนคะ 2 หมอให้งด วิตามิน อาหารเสริมที่ทานคือแมกนีเซียม+วิตามิน D และ flaxseed oil แคปซูล เพราะจะย่อยยาก แล้วเมื่อไหร่จะทานได้คะ 3 พวกเวย์โปรตีน และ อาหารเสริมที่ทำจากถั่วเหลือง หรือนม เช่น บูธออฟติมั่ม สามารถทานได้ไหมคะ เกรงจะขาดสารอาหาร เพราะทานแต่ข้าว ปลา ผัก 4. แอปเปิลไซเดอร์ ทานได้ไหมคะ มีผลต่อยาหรือไม่คะ ทานตอนไหนดีคะ 5. ไม่กล้าเบ่งอุจจาระ เกรงจะเพิ่มความดันช่องท้อง เลยใช้ยาสวนทวาร แต่มันบาดเนื้อบริเวณหูรูด ทำให้บวม เจ็บ แต่ถ้าดันกลับเข้าไปก็ไม่เจ็บ ไม่ต้องไปพบแพทย์ใช่ไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)