March 23, 2020 20:05
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 1 เดือน ไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องอยู่นานหลังหยุดใช้ค่ะ หากผู้ถามไม่ได้มีการฉีดยาคุมต่อเนื่องภายใน 35 วัน นับจากวันที่ฉีดยาคุมเข็มก่อน ก็จะถือว่าไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องจากยาคุมที่เคยใช้แล้วนะคะ ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันใด ๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มาก
ยาคุมชนิดนี้ไม่ได้มีผลข้างเคียงเรื่องเลือดออกกะปริบกะปรอยหรือประจำเดือนมาไม่ปกติเหมือนกับยาคุมที่ฉีดทุก 3 เดือนค่ะ ดังนั้น ถ้าไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนของผู้ถามก็ควรจะมาตามรอบปกติเดิมนั่นเองนะคะ
ซึ่งประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ ส่วนรอบประจำเดือนปกติในกรณีที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด ก็ควรอยู่ในช่วง 24 - 35 วันนะคะ
ในเบื้องต้น หากไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้าไม่มั่นใจ และต้องการทราบว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ
ส่วนยาสตรี ไม่มั่นใจว่าผู้ถามใช้ด้วยเหตุผลใด แต่อาจมีผลให้เกิดปัญหาเลือดออกผิดปกติได้ค่ะ ซึ่งถ้าหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอยที่เกิดขึ้นกับผู้ถาม ไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย (เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง) ก็อาจเกิดจากยาสตรีได้ ดังนั้น แนะนำให้หยุดใช้ไปก่อนนะคะ
และถ้าผู้ถามไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือถ้ามีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่เรื่อย ๆ แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ในช่วงที่ฉีดยาคุมชนิด 1 เดือนนั้นประจำเดือนควรจะมาในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ของการฉีดยาคุมหรือช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนฉีดยาคุมเข็มต่อไปครับ ถ้าหากเลือดออกมานอกเหนือจากช่วงนี้ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ประจำเดือน เช่น
- มีระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- เนื้องอกบางอย่าง
ซึ่งถ้าหากเลือดออกมาในปริมาณมาก หยุดยาก ออกมาติดต่อกันหลายวัน หรือมีเลือดผิดปกติออกมาบ่อยๆ หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ
ส่วนโอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์นั้นขึ้นอยู่กับว่าวันที่มีเพศสัมพันธ์ห่างจากวันที่ฉีดยาคุมเข็มสุดท้ายเกิน 5 สัปดาห์หนือยังครับ
- ถ้าหากยังอยู่ในช่วง 5 สัปดาห์หลังฉีดยาคุมเข็มสุดท้ายก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 0.2-6%
- ถ้าหากเกินจาก 5 สัปดาห์ไปแล้วก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูง และในกรณีนี้ก็ควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก่อนเพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หนูมีอะไรกับแฟนช่วงวันที่3ของประจำเดือนผ่านมา2อาทิตย์หนูมีอาการเจ็บหัวนมเจ็บแบบแป้ดๆคัดๆเต้านมค่ะอารมณ์แปรปรวนปวดหัวตลอดเลยค่ะบางวันปวดหลังแบบนี้อาการตั้งครรภ์ป่าวค่ะ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คือว่าก่อนหน้านี้ฉีดยาคุมแบบ1เดือนมาประมาณ6เข็มค่ะ แต่ว่าเดือนนี้(มี.ค)ติดธุระเลยไม่ได้ไปฉีดยาแล้วไปมีเพศสัมพันธ์ค่ะ พอผ่านไปสักประมาณ2อาทิตย์มาเลือดออกมาคล้ายประจำเดือนปริมาณไม่มากแค่เปื้อน กกน. ปกติถ้าเป็นประจำเดือนจะเป็นประมาณ7วันค่ะ อยากทราบว่าเลือดที่ออกมาเป็นเพราะสาเหตุอะไรแล้วใช่ประจำเดือนไหมคะ เพราะว่าทานยาสตรีเพ็ญภาคด้วยค่ะ แล้วจะท้องไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)