คุณหมอคะหนูมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับค่ามตราฐานของสารตะกั่วพอดีหนูทำงานเกี่ยวกับความปลอดภัยโดยที่ทำงานมีการตรวจสุขภาพปนะจำปีมีการตรวจกาสารตะกั่ว ในเลือด โดยปี 60 มีค่ามาตราฐาน =<30ug/dl 61มีค่ามาตราฐาน=/<200ug/dl โดยสถานพยาบาลนี้ใช้ค่ามาตราฐานโดยอ้างอิงจากACGIH:2017 62มีค่ามาตราฐาน=30ug/dl โดยค่า มาตราฐานอ้างอิงจากแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล หนูมีความสงสัยเรื่องหน่วยมากคะ ตัวอย่าง นาย ก.มีผลเลือดดังนี้ ปี60=6.7ug/dl. ปี61=101ug/dl ปี62=26ug/dl. ข้อสงสัยคือหน่วยเหมือนกันแต่ค่าของผลเลือดไม่เหมือนกันซึ่งถ้ามองปี61จะสูงมาก หนูรบกวนคุณหมออธิบายให้หนูเข้าใจหน่อยได้ไหมคะว่าหนูควรเปรียบเทียบหรืออธิบายแก่ผู้บริหารแบบใด

การใช้ตัวเลขอ้างอิงเพื่อพิจารณาค่ามาตรฐานของ BLL-Blood Lead Level นั้น อาจมีความแตกต่างกันในแต่ละค่าอ้างอิง จึงควรศึกษาในรายละเอียดว่าเหตุใดคณะกรรมการผู้ออกค่าอ้างอิงดังกล่าวจึงใช้ตัวเลขเหล่านั้น หากพิจารณาจากข้อมูลในปัจจุบัน ค่า BLL ที่ใช้เป็นค่ามาตรฐานในเด็ก ในสภาพแวดล้อมทั่วไปที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารตะกั่ว คือ 5 ไมโครกรัม/เดซิลิตร (ก่อนปี 2012 คือ 10 ไมโครกรัม/เดซิลิตร) ตามคำแนะนำของ ACCLPP ของ US CDC ซึ่งนำผลการศึกษาของ NHANES ที่ทำการเจาะเลือดหาระดับตะกั่วในเด็กจำนวน 450,000 ราย ทั่วสหรัฐอเมริกา แล้วนำมาพิจารณา "cut point" ที่ 97.5 percentile ว่าเป็นกลุ่มประชากรที่ควรให้การศึกษา หาสาเหตุ และเฝ้าระวังพิษต่อสารตะกั่ว ในขณะที่ตัวเลขของผู้ใหญ่จะใช้ cut point ที่ 25

ส่วนตัวเลขในกลุ่มคนทำงานที่เสี่ยงต่อสารตะกั่ว ตามโปรแกรม ABLES จะอยู่ที่ 50 ไมโครกรัม/เดซิลิตร ในกลุ่มงานก่อสร้าง และ 60 ไมโครกรัมฝเดซิลิตร ในกลุ่มงานอื่นๆ

จะเห็นว่าหากศึกษาลงไปในรายละเอียดจะพบว่าการใช้ค่าอ้างอิงดังกล่าวเป็นการใช้ค่าอ้างอิงในเชิงระบาดวิทยา ยังไม่ได้พิจารณาถึงผลทางคลินิค แต่เราพบว่าหากใช้ค่า BLL ในทางคลินิคมาช่วยตัดสินพบว่ามีการศึกษาว่าค่า BLL ที่น้อยกว่า 5 ไมโครกรัม/เดซิลิตรจะส่งผลต่อการเสื่อมลงของการทำงานของไตจะช้าลง และหากน้อยกว่า 10 ไมโครกรัม/เดซิลิตร จะลดความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูงได้

ดังนั้นการนำไปใช้จึงควรพิจารณาจากบริบทหลายๆอย่างประกอบกัน เพื่อให้ได้ตัวเลขที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมแต่ละที่ หากต้องการใช้ผลของ ACGIH ก็อาจต้องการทำการศึกษาในรายละเอียดว่าเหตุใด ACGIH จึงใช้ค่า cut point ดังกล่าวเป็น reference value