March 12, 2020 20:39
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลัางนอกนั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ 4-22% ครับ ในกรณีนี้จึงควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก่อนเพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85%
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินประจำเดือนจะยังมาตามกำหนดตามปกติอยู่ ดังนั้นถ้าหากประจำเดือนเพิ่งหมดไป ประจำเดือนก็จะไม่มาภายใน 1 สัปดาห์ แต่อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้มีเลือดออกกระปริดกระปรอยเกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเสมอไปเช่นกัน และการไม่มีอาการนี้ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ครับ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้วหมอแนะนำให้รอสังเกตดูว่าประจำเดือนจะมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปก็ให้ตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. หลังจากทานยา 1 สัปดาห์ ประจำเดือนจะมาไหมคะ
ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาเร่งประจำเดือน จึงไม่ได้ทำให้ผู้ใช้มีประจำเดือนมาภายใน 1 สัปดาห์หลังรับประทานยาค่ะ
เลือดที่อาจพบภายใน 1 สัปดาห์หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน เป็นเพียงผลข้างเคียงจากยานะคะ และเป็นเพียงหยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัยค่ะ ผลข้างเคียงนี้อาจเกิดขึ้น หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์
ในกรณีนี้ ผู้ถามมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ตามผลป้องกันของวิธีหลั่งนอกค่ะ หากต้องการลดความเสี่ยงที่มีให้น้อยลง แนะนำให้รีบรับประทานยาคุมฉุกเฉินนะคะ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ หากใช้เร็วและครบขนาดอาจช่วยลดความเสี่ยงให้เป็น 15% แทนได้
และถ้าไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม หรือถ้าไม่มั่นใจ และกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ ควรตรวจด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
2. ทานยาคุมฉุกเฉินตัวไหนดีกว่า และทานยังไงคะ
ยาคุมฉุกเฉินที่มีจำหน่ายในประเทศไทย มีเฉพาะชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลค่ะ โดยมี 2 รูปแบบ คือ
- ชนิดที่มีแผงละ 2 เม็ด ได้แก่ โพสตินอร์ มาดอนนา แมรี่พิงค์ นอร์แพ็ก และเลดี้นอร์ ซึ่งแต่ละเม็ดจะมีตัวยาอยู่เม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม (รวมกัน 2 เม็ดก็จะเท่ากับ 1.5 มิลลิกรัม)
- ชนิดที่มีแผงละ 1 เม็ด ได้แก่ เมเปิ้ลฟอร์ท และแทนซีวัน ซึ่งมีตัวยาอยู่ 1.5 มิลลิกรัม
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใด ก็มีตัวยาเดียวกัน และมีปริมาณยารวมทั้งแผงเท่ากัน ดังนั้น ประสิทธิภาพและผลข้างเคียงจึงไม่แตกต่างกันนะคะ ผู้ถามสามารถใช้ยี่ห้อใดก็ได้ที่หาซื้อได้สะดวก เนื่องจากต้องรีบรับประทานให้เร็วที่สุดที่ทำได้ค่ะ
ส่วนวิธีการรับประทาน มี 2 วิธี นั่นคือ
- วิธีดั้งเดิม โดยรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดที่มีแผงละ 2 เม็ด แต่แบ่งรับประทานครั้งละ 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง
- วิธีใหม่ ให้รับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียว ดังนั้น ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว
ไม่ว่าจะใช้ตามวิธีดั้งเดิมหรือวิธีใหม่ ต้องรับประทานให้เร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ
มีการศึกษาที่ชี้ว่าประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของทั้งสองวิธีไม่แตกต่างกันค่ะ อย่างไรก็ตาม การศึกษาใหม่ ๆ ชี้ว่า การรับประทานตามวิธีใหม่ นอกจากจะสะดวกกว่าแล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพดีกว่า
ดังนั้น ไม่ว่าผู้ถามจะใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อใด หรือรูปแบบแผงละ 2 เม็ดหรือ 1 เม็ด สามารถรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวได้นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
วันนี้มีอะไรกับแฟนช่วง3-4โมงเย็นไม่ได้ป้องกันแต่หลั่งนอกประจำเดือนพึ่งหายประมาณ5-6วันถ้าทานยาคุมฉุกเฉินหลังจากทานยา1สัปดาห์ประจำเดือนจะมาไหมคะแล้วทานยาคุมฉุกเฉินตัวไหนดีกว่าทานยังไงคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)