January 09, 2020 22:13
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการใช้ถุงยางอนามัยป้องกันแล้วจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นถ้าใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องครับ และการที่มีประจำเดือนมาแล้วครั้งหนึ่งหลังจากนั้นก็เป็นการบ่งบอกว่าไม่มีการตั้งครรภ์ได้ครับ
อย่างไรก็ตามถ้าหากมีความกังวลเรื่องการตั้งครรภ์อยู่ก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจได้ครับ โดยถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน การตรวจการตั้งครรภ์ในตอนนี้ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้แล้วครับ
ส่วนในกรณีที่ไม่ได้มีการตั้งครรภ์ ประจำเดือนก็อาจมาช้าได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ไทรอยด์เป็นพิษ
- ความเครียด
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด
ซึ่งในกรณีนี้ก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้อีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สวัสดีครับผมพอดีผมมีไรกะเเฟนวันในที่11พฤศจิกายน ใส่ถุงยางเเค่น้ำเดียว พอมาวันที่6ธันวาประจำเดือนมาปกติ5วันหาย เเล้วก้ไม่ได้มีไรกันอีกครับ พอมาวันนี้วันที่9มกราคม ครบรอบ35วันประจำเดือนยังไม่มา ได้รับประทานยาริดสีดวงของหมอสัมฤทธิ์พอสอบถามว่าไม่มีผลข้างเคียงครับเเต่พอดูรายละเอียดคือโดนของปลอมครับหรือตัวยาปลอมนี้จะมีสารตกค้างไหมครับ อยากทราบว่าจะเกิดการตั้งครรภ์ไหมครับหรือเกิดจากสาเหตุอะไรครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)