February 12, 2020 22:16
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ถ้าหากรับประทานยาที่ได้มาแล้วมีอาการปวดเข่ามากขึ้น ขาบวมมากขึ้น ขาไม่แรงก็มีโอกาสที่จะเกิดจากผลข้างเคียงของยาที่รับประทานเข้าไปที่มีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ ตับ หรือไตได้ครับ
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหยุดรับประทานยาดังกล่าวในทันที และรวรพาคุณพ่อไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
เนื่องจากไม่ทราบว่าเป็นยาอะไร และมีส่วนประกอบอะไร หากไม่ได้จ่ายยาโดยเภสัชกรหรือแพทย์เบื้องต้นควรเลิกทานยาดังกล่าวครับ อาการปวดเข่าอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น ความเสื่อมของกระดูกและข้อ การอักเสบจากการใช้งาน การอักเสบติดเชื้อ การได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น การรักษานั้นเป็นการรักษาตามสาเหตุที่เป็นครับ ดังนั้นแนะนำให้หยุดทานยาดังกล่าวแล้วนำตัวยาดังกล่าวไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์พิจารณาการรักษาที่ตรงกับสาเหตุที่เป็นรวมถึงรักษาความผิดปกติที่เกิดจากยาดังกล่าวด้วยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ พ่อหนูมีอาการปวดขา/เข่ามานานหลายเดือนมากๆ จนวันนึงมีคนแนะนำยาให้เขากิน(ยาเป็นเม็ด)บอกว่าดีกินแล้วจะหาย แต่พอเขากินเข้าไปอาการเขาคือไม่มีแรงเดิน ขาบวม เท้าบวม โดยเฉพาะเท้าเห็นได้ชัดมากๆค่ะ ควรทำยังไงดีคะ ตอนนี้กังวลและเป็นห่วงคุณพ่อมากๆเลย เขาบอกว่าปวดหนักยิ่งกว่าเดิม มีอาการเจ็บท้องด้วย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)