January 24, 2020 15:20
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การที่เริ่มรับประทานยาคุมแผงใหม่ช้าในลักษณะตามที่เล่ามานั้น เมื่อรับประทานยาคุมแล้วก็จะต้องรับประทานติดต่อกันให้ได้อย่างน้อย 7 วันก่อนยาคุมจึงจะเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 13 และ 15 มกราคมที่ผ่านมาจึงมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้
ในกรณีนี้หมอแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ใหม่อีกครั้งก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
แต่ถ้าหากตรวจแล้วพบว่ามีการตั้งครรภ์ก็ควรหยุดรับประทานยาคุมทันทีและควรไปพบแพทย์เพื่อฝากครรภ์โดยเร็วที่สุดครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ด เมื่อหมดแผงเดิมแล้วจะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ เช่น ถ้ารับประทานยาคุมเม็ดสุดท้ายของแผงเดิมในวันอาทิตย์ ก็ต้องเว้นว่าง 7 วันตั้งแต่วันจันทร์ - อังคาร - พุธ - พฤหัส - ศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ และต่อยาคุมแผงใหม่ในวันจันทร์
ไม่จำเป็นจะต้องต่อแผงใหม่ในวันแรกที่มีประจำเดือนค่ะ และไม่ใช่ "วันที่ 7 นับจากวันแรกที่มีประจำเดือน" นะคะ
หากไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้มักจะมีประจำเดือนมาประมาณวันที่ 3 หรือ 4 ของการเว้นว่าง แต่ก็อาจคลาดเคลื่อนจากนั้นเล็กน้อย
ในกรณีของผู้ถาม เมื่อมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่างแล้ว ก็ถือว่าการมีเพศสัมพันธ์ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้ว และเมื่อเว้นว่างครบ 7 วันก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ได้เลย โดยถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทุกวันค่ะ
ดังนั้น แม้ว่าจะไม่ได้เริ่มใช้แผงนี้ในวันแรกที่มีประจำเดือน แต่ถ้าไม่เกินกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ (หรือแม้จะเกินกำหนด แต่ไม่ช้าเกินกรอบเวลายืดหยุ่น) ก็ยังถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องและมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกตินะคะ โอกาสตั้งครรภ์คือ 0.3 - 9% ตามผลป้องกันปกติของยาคุมรายเดือน หรือค่อนไปทางต่ำถ้ารับประทานตรงเวลาสม่ำเสมอ
แต่ถ้าเริ่มยาคุมแผงใหม่ช้าเกินกรอบเวลายืดหยุ่นไปแล้ว (นั่นคือ 2 - 3 วันนับจากกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ ขึ้นกับปริมาณฮอร์โมนในยาคุมยี่ห้อที่ใช้) ก็จะต้องรับประทานยาคุมแผงใหม่ติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้
อย่างไรก็ตาม หากกังวลใจ ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันเพื่อความชัดเจนได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
การเริ่มทานยาคุมกำเนิดหลังประจำเดือนวันแรกมาเกิน 5 วัน ควรที่จะใช้ถุงยางอนามัยคุมกำเนิดร่วมด้วยอย่างน้อย 7 วันครับ ในกรณีผู้ถามเริ่มช้าแล้วไม่มีการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยในตอนที่ยาคุมยังไม่มีประสิทธิภาพจึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วอย่างน้อย 14 วันครับ
ส่วนเรื่องการมีตกขาวผิดปกตินั้นอาจเกิดจากการอักเสบติดเชื้อได้ครับ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางสูตินรีเวชเพื่อหาสาเหตุครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ประจำเดือนมาเมื่อวันที่7-1-2563 มาประมาณ4วัน จิงๆต้องเริ่มกินแผงถัดไปวันที่7นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนกินยาคุมแบบฮอร์โมนรวม21เม็ด เป็นคนเมนมาตรงค่ะ28วัน แต่กินยาคุมช้าเริ่มกินคืน15ข้าม16 ช่วงตี1 มีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่13กับ15 มีโอกาสท้องไหมค่ะ รุ้สึกผิดปกติหน่วงมดลูกตั้งแต่วันที่17 วันที่22เริ่มมีอาการคัดเต้านมกดเบาๆทั้งสองข้างเจ็บนิดๆ มีอาการตกขาวเยอะข้นกว่าปกติ(ไม่มากเท่าไหร่แต่ข้นขึ้นไม่มีอาการคัน) เคยมีลูกมา1คน10ขวบแล้ว ตอนนี้กังวนมากเพราะยังไม่แน่จัยเลยกินยาคุมต่อลองซื้อที่ตรวจมาขึ้นขีดเดียว
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)