มีประจำเดือนแล้วมีอาการปวดขามาก ปกติไม่เคยเป็น ไม่เคยปวดท้อง เวลามีประจำเดือน ปกติดีมั้ยคะ ควรพบแพทย์มั้ย

อาการปวดประจำเดือนมักเกิดจากเลือดประจำเดือนไหลออกมาไม่ทัน หรือออกมาไม่สะดวกจึงทำให้เกิดเลือดคั่งในโพรงมดลูก
กล้ามเนื้อมดลูกจึงพยายามบีบรัดตัวเพื่อเป็นการขับเลือดออกมา ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดบริเวณท้องน้อยหรือปวดหลังได้ครับ อาจปวดร้าวมาต้นขาได้ครับ (เเต่ถ้าปวดที่น่องหรือเท้า อันนี้น่าจะคนละเรื่องกับการปวดประจำเดือนครับ)

โดยอาการอาจจะเกิดขึ้น ก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน และในช่วงการมีประจำเดิอน ประมาณ 12-72 ชมแรกครับ
อาการปวด จะปวดแบบบีบๆ เหนือหัวหน่าวบริเวณท้องน้อย อาจร้าวไปหลังได้ด้วย อาจมีอาการตามระบบร่วมด้วย เช่น ปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศรีษะ ท้องเสียถ่ายเหลว เป็นต้นครับ

วิธีการรักษาเบื้องต้นคือ นอนพัก รับประทานยาเเก้ปวด เช่น Ponstan Naproxen ,วางกระเป๋าน้ำร้อนที่หน้าท้องช่วยคลายกล้ามเนื้อมดลูก หรือออกไปเดินเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จะพอช่วยได้ครับ
...
แต่หากอาการปวดเป็นมากจนทำงานไม่ไหว ร่วมกับมีอาการอื่น เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ อาจคิดถึงภาวะปวดประจำเดือนที่มีสาเหตุจำเพาะ(Secondary dysmenorrhea) เช่น เนื้องอกมดลูกจะมีประจำเดือนมามากได้ เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่(ช็อคโกเเลตซีสต์) เป็นต้นครับ ซึ่งควรไปพบสูตินรีเเพทย์ เพื่อตรวจภายใน หรือ อัลตร้าซาวด์ เพิ่มเติมครับ

สวัสดีครับ
ถ้าหากในขณะที่มีประจำเดือนไม่เคยมีอาการปวดท้องหรือปวดขามาก่อน แล้วอยู่ๆกลับมีอาการในลักษณะนี้ก็มีโอกาสที่จะมีความผิดปกติบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในระบบสืบพันธุ์เพศหญิงได้ครับ เช่น มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน มีซิสต์ในรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นต้น

ทั้งนี้ก็ควรมีการตรวจแยกจากสาเหตุของอาการปวดขาอื่นๆด้วยครับ เช่น การอักเสบของกล้ามเนื้อ ความผิดปกติของกระดูกสันหลังหรือหมอนรองกระดูกสันหลัง เป็นต้น

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ