ฉีดยาคุมชนิด3เดือนไป1 เข็มแล้วคิดว่าจะไม่ฉีดต่อ เพราะมีผลข้างเคียงคือเลือดออกกระปิดกระปอยค่ะ ตอนนี้เลยกำหนดฉีดของเข็มต่อไปแล้ว ไม่ได้ไปฉีด แต่ยังมีเลือดออกอยู่นิดหน่อย ยังคือผลข้างเคียงอยู่ใช่ไหมคะ แล้วจะมีโอกาศเสี่ยงในการตั้งครรภ์หลังครบกำหนดของยาคุม3เดือนเลยหรือเปล่าคะ(ยาคุมหมดฤทธิ์แล้วเสี่ยงตั้งครรภ์เลยไหมคะ) แล้วจะพอทราบได้ยังไงคะว่าประจำเดือนจะกลับมาปกติเมื่อไหร่

สวัสดีครับ
หลังจากหยุดฉีดยาคุมชนิด 3 เดือนนั้นก็อาจมีผลตกค้างจากฮอร์โมนของยาคุมทำให้อาจมีเชือดออกกระปริดกระปรอยต่อเนื่องไปได้อีกระยะหนึ่งครับ และประจำเดือนหลังจากหยุดฉีดยาคุมชนิด 3 เดือนนั้นก็จะไม่ได้กลับมาเป็นปกติในทันที โดยที่ในบางคนก็อาจต้องรอนาน 6-12 เดือนก่อนที่ประจำเดือนจะกลับมาเป็นปกติได้

อย่างไรก็ตามในช่วงหลังจากหยุดฉีดยาคุมไปแล้วถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เหมือนกับคนที่ไม่ได้คุมกำเนิดอยู่ครับ ถ้าหากจะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงหลังจากนี้ก็ต้องมีการป้องกันทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยครับ

นอกจากนี้ถ้าหากเลือดที่ออกมาผิดปกตินั้นยังออกมาต่อเนื่องเรื่อยๆหรือออกมาในปริมาณมาก หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจภายในประเมินอาการก่อนว่ามีความผิดปกติอื่นซ่อนอยู่หรือไม่ เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

หลังครบกำหนดฉีดยาคุมไปแล้ว อาจมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องอยู่อีกระยะหนึ่ง แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันจะลดลงตามเวลาที่ผ่านไป ดังนั้น ถ้าผู้ถามไม่ได้ฉีดยาคุมต่อแล้ว และยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร ก็ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น ๆ ด้วยนะคะ เช่น อาจใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ก็ได้ค่ะ

ผลข้างเคียงจากยาคุมที่เคยฉีด เช่น เลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนผิดปกติ หรือไม่มีประจำเดือน อาจพบได้อีกหลายเดือนหลังจากที่หยุดใช้ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ถามที่ฉีดยาคุมมาเพียงแค่เข็มเดียว มีแนวโน้มที่จะใช้เวลาไม่นานเท่ากับผู้ที่ฉีดยาคุมชนิด 3 เดือนต่อเนื่องมาหลายครั้งค่ะ

ดังนั้น ถ้ามีความเสี่ยงน้อยมากที่จะตั้งครรภ์ เช่น หลังหยุดฉีดยาไปแล้วก็ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีก หรือใช้ถุงยางอย่างถูกต้องและตรวจจนมั่นใจแล้วว่าไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ก็ไม่ต้องกังวลที่ยังไม่มีประจำเดือนมา และรอดูไปก่อนนะคะ

แต่ถ้ากังวลใจ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

ถ้าผ่านไปมากกว่า 5 - 6 เดือนแล้วหลังหยุดฉีดยาแต่ยังไม่มีประจำเดือนมาทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสม

แต่ถ้ามีเลือดออกมามากหรือนานผิดปกติ หรือถ้ามีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาเช่นกันนะคะ