แปะแผ่นแปะคุมกำเนิด Evra ได้ 5 เดือนแล้ว แต่ว่าเดือนนี้เดือนที่6เมนส์ดันมาตั้งแต่วันแรกของการแปะแผ่นที่ 3 เมื่อวันที่ 22 และยังมีต่อเนื่องจนถึงวันที่ต้องเอาแผ่นออกในวันที่ 29 เมื่อวานวันที่ 29 เป็นวันเอาแผ่นแปะออก และก็มีเมนส์มาต่อเนื่อง ทันทีหลังจากเอาแผ่นแปะออก (มาเยอะ) อันนี้ปกติไหมครับ ต้องเว้น 1 อาทิตย์ หรือเริ่มแปะต่อได้จากแผ่นที่สามได้เลยครับผม

สวัสดีครับ
โดยปกติแล้วในช่สงที่ใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดอยู่ประจำเดือนก็ควรจะมาในช่วง 1 สัปดาห์หลังแปะแผ่นคุมกำเนิดสัปดาห์ที่ 3 ครับ การที่มีประจำเดือนมาตั้งแต่วันแรกของวันที่แปะแผ่นคุมกำเนิดสัปดาห์ที่ 3 นั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีความผิดปกติบางอย่างได้ เช่น
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- เนื้องอกบางอย่าง

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ส่วนในสัปดาห์นี้หมอก็แนะนำว่าควรเว้นการแปะยาคุมไปตามปกติก่อนครับ

ในกรณีที่มั่นใจว่าเลือดที่ออกมาในขณะที่แปะแผ่นยาแผ่นที่ 3 นั้นเป็นประจำเดือนจริง ๆ ไม่ใช่เลือดกะปริบกะปรอยที่ออกมาผิดปกติจากสาเหตุอื่น ๆ แนะนำเช่นนี้นะคะ

ถ้าทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการมีประจำเดือนมาเร็วผิดปกติ และมั่นใจว่าสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว หรือสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ที่อาจเกิดจากความล้มเหลวของวิธีคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ได้ ก็สามารถแปะแผ่นคุมกำเนิดแผ่นใหม่ต่อได้เลย ไม่ต้องเว้นว่างช่วงปลอดฮอร์โมนในสัปดาห์ที่ 4 นะคะ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเว้นว่างช่วงปลอดฮอร์โมนไปแล้ว (ผู้ถามให้ข้อมูลว่าผู้ใช้แกะแผ่นยาออกในวันที่ 29 และมาตั้งคำถามนี้ในวันที่ 31) หากต้องการเว้นว่างต่อก็สามารถทำได้ค่ะ แต่ให้งดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนจนกว่าจะแปะแผ่นยากล่องใหม่ติดต่อกันครบ 7 วันก่อนนะคะ
..
..
..
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่กล่าวมา ซึ่งไม่มีข้อมูลใดที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าสาเหตุของการมีประจำเดือนมาผิดปกติดังกล่าวคืออะไร สิ่งที่ควรปฏิบัติก็คือไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงของการมีเลือดออกมาผิดปกติดังกล่าว

ซึ่งหากสงสัยว่าอาจเป็นผลมาจากแผ่นแปะคุมกำเนิดไม่มีประสิทธิภาพ ก็ต้องพิจารณาต่อว่ามีสาเหตุใดที่ลดประสิทธิภาพของแผ่นแปะคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ และจะยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกหรือไม่หากยังมีการใช้ต่อไป

เมื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงก็จะได้มีการพิจารณาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ดังที่คาดหวังไว้ ซึ่งหากจำเป็น ก็อาจต้องเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิดให้เหมาะสมค่ะ