สวัสดีครับผมมีเรื่องมาปรึกษา ผมมีอาการปวดที่อัณฑะคืออยู่ดีๆก็ปวดขึ้นมาทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสภาพโยรวมของอัณฑะไม่มีสีแดง ไม่มีอาการปัสสาวะเป็นเลือดผมอยากทราบว่ามันเป็นเพราะอะไรถึงปวด

สวัสดีครับ
อาการปวดที่อัณฑะนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- อัณฑะอักเสบ
- อัณฑะบิดขั้ว
- ไว้เลื่อน
- มีฝีในอัณฑะ
เป็นต้น
ซึ่งการที่จะทราบสาเหตุที่แน่ชัดได้ก็จะต้องตรวจร่างกายดูลักษณะของอัณฑะก่อนครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

สวัสดีค่ะ

สำหรับอาการปวดอัณฑะสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น
-จากการบาดเจ็บหรือกดทับ
-อัณฑะบิดขั้ว (testicular torsion)
-อัณฑะอักเสบ (epididymitis)
-อัณฑะขอด (varicocele)
-ถุงน้ำอัณฑะ (hydrocele)
-ไส้เลื่อน (inguinal hernia)
กรณีที่ไม่มีอาการอื่นๆเลย ถ้ายังปวดไม่มากอาจลองให้สังเกตอาการประมาณ 2-3 วันดู เพราะอาจจะเกิดจากการกดทับเช่น จากการนอนทับก็ได้ แต่ถ้าปวดรุนแรง มีอาการอื่นๆร่วมด้วย สังเกตมา2-3วันแล้วยังไม่หายควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจประเมินดูค่ะ

จากกรณีของคนไข้ หากมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกันอาจเกิดได้จากการติดเชื้อในอัณฑะ การติดเชื้อในท่อนำอสุจิครับ

หากไม่มีความเาี่ยง อาจเกิดได้จาก ไส้เลื่อน ขั้วอัณฑะบิด และ การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ เป็นต้น

นอกจากนี้ ก้อนเนื้อที่ต่อมลูกหมาก ตาอมลูกหมากโต ก้ทำให้มีการปวดอัณฑะได้

ฉะนั้นควรไปพบแพทย์ศัลยกรรมทางเดินปะสสาวะเพื่อตรวจประเมินหาสาเหตุครับ