February 10, 2020 19:31
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่โดยไม่มีการป้องกันนั้นถึงจะยังไม่มีการหลั่งก็อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4-22% ครับ แต่เนื่องจากได้รับประทานบาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ในกรณีนี้โอกาสตั้งครรภ์ก็จะลดลงไปได้ 75-85%
หลังจากนี้หมอแนะนำให้รอตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
จำเป็นต้องกินเพิ่มไหมคะคุณหมอ
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
ในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 3 นั้นมีประวัติมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับเนื่องจากสารคัดหลั่งที่ออกจากอวัยวะเพศชายก่อนที่จะมีการหลั่งออกมานั้นสามารถพบอสุจิได้ครับ เบื้องต้นถ้ายังไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรืออย่างช้าที่สุดที่ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินยังพอมีประสิทธิภาพ คือ 120 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ทานยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดครับ หากรับประทานอย่างถูกต้องจะมีประสิทธิภาพประมาณ 80-85% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
จำเป็นต้องกินเพิ่มไหมคะคุณหมอ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มอีกครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ไปอ่านข้อมูลมาเพิ่มเติมค่ะ เขาเขียนว่า เมื่อกินยาคุมตามที่กำหนดไว้ ภายใน 5-10 วัน มันจะหลั่งเลือดออกมา แต่ไม่ใช่ประจำเดือน ก็คือไม่ท้อง แล้วถ้าภายใน 5-10 วัน มันไม่หลั่งเลือดออกมา คือท้องหรอคะ คุณหมอ?
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
ในกรณีที่ทานยาคุมแบบฉุกเฉินหลังการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วไม่มีความจำเป็นต้องทานเพิ่มครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ไปอ่านข้อมูลมาเพิ่มเติมค่ะ เขาเขียนว่า เมื่อกินยาคุมตามที่กำหนดไว้ ภายใน 5-10 วัน มันจะหลั่งเลือดออกมา แต่ไม่ใช่ประจำเดือน ก็คือไม่ท้อง แล้วถ้าภายใน 5-10 วัน มันไม่หลั่งเลือดออกมา คือท้องหรอคะ คุณหมอ?
มีเพศสัมพันธ์กับแฟนครั้งแรก วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ ตี2-ตี3 ครั้งแรกไม่ใส่ถุง ประมาณ เกิน10ครั้งได้แต่ไม่ได้หลั่งออกมา หลังจากนั้นใส่ถุง หลั่งในถุงในอวัยวะเพศหญิง ถุงไม่ได้ฉีกขาด ยังไม่ได้กินยาคุม แล้วหลังจากนั้นครั้งที่2 วันศุกร์ที่ 7/02/2563 ประมาณ เที่ยงคืนของวันที่7-ตี1 ของวันเสาร์ที่8 ครั้งนี้ใส่ถุง ไม่รั่ว ไม่ขาด แต่ก็ยังไม่ได้กินยาคุม หลังจากนั้น มีเพศสัมพันธ์อีก ครั้งที่ 3 วันเสาร์ที่8 มีตอน 12:30-13:00 ประมาณนี้ ตอนแรกไม่ได้ใส่ถุง เข้าออกประมาณเกิน15ครั้ง แต่ไม่ได้หลั่งน้ำอสุจิออกมา หลังจากนั้นก็ใส่ถุงยาง หลั่งในถุงยางในอวัยวะเพศหญิง เสร็จไม่ได้กินยาคุมทันที แต่กินยาคุม(ยี่ห้อ Madonna)ครั้งแรก ไม่เกิน2 ทุ่ม 15 นาที และกินอีกเม็ดครั้งที่ 2 วันเสาร์ที่9 เวลา ไม่เกิน 8โมง15 ตอนเช้า อยากทราบว่า หนูจะท้องไหมอะคะ ประจำเดือนมาล่าสุด วันที่ 27 มกราคม หมดวันที่ 30-31 มกราคม (เดือนที่แล้วมา2รอบ รอบแรก คือ วันที่ 4-7มกราคม) หนูจะท้องไหมคะ เครียดมาก ยังไม่พร้อมที่จะมีลูกเลยค่ะ เพราะยังเรียนอยู่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)