มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันวันที่22 ม.ค.คะทานยาคุมฉุกเฉินแบบ2 เม็ด วันที่23ม.ค.แล้ววันที่26 มีเลือดคล้ายประจำเดือนออก3วัน พอเดือนกพ.ประจำเดือนยังไม่มาจนถึงวันนี้ เลยคะ ตรวจครรภ์วันที่26 กพ.ขึ้นแค่1ขีด ** หลังจากทานยาคุมฉุกเฉินตั้งแต่เดือนม.ค ถึงวันนี้ก้มีเพศสัมพันธ์หลั่งในมาตลอด ยังเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์อยู่ไม๊คะ.

สวัสดีครับ
ถุงแม้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 75-85% แต่ถ้าหากได้ตรวจการตั้งครรภ์ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายมาเกิน 14 วันแล้วขึ้นเพียง 1 ขีดก็สามารถมั่นใจได้ 99% แล้วว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ

ในกรณีนี้ประจำเดือนจึงอาจมาช้าได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ไทรอยด์เป็นพิษ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ความเครียด
เป็นต้น
ซึ่งในกรณีนี้ก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้อีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนหรือมีปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่บ่อยๆก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ

ถ้าผู้ถามไม่ได้พิมพ์ผิดที่ว่า "หลังจากทานยาคุมฉุกเฉินตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึงวันนี้ ก็มีเพศสัมพันธ์หลั่งในมาตลอด" ก็ต้องถือว่ายังมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ค่ะ ซึ่งความเสี่ยงจะมากหรือน้อยเพียงใด ก็ขึ้นกับวิธีคุมกำเนิดที่ผู้ถามเลือกใช้ รวมถึงว่ามีการใช้วิธีคุมกำเนิดนั้นถูกต้องหรือเหมาะสมเพียงไร

หากไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้าต้องการทราบแน่ชัดว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

และถ้ายังไม่พร้อมที่จะมีบุตร หากผู้ถามไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานใด ๆ อยู่ ควรให้แฟนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งค่ะ

ยาคุมฉุกเฉินที่เคยใช้ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติค่ะ ดังนั้นถ้าไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือถ้ามีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่เรื่อย ๆ แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

เมื่อมีเพศสัมพันธ์ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้นะคะ แต่ความเสี่ยงจะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับวิธีคุมกำเนิดที่ใช้ ซึ่งถ้าผู้ถามและแฟนไม่ได้ป้องกันใด ๆ เลย โอกาสตั้งครรภ์ก็คือ 85% ค่ะ

ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในทางทฤษฎี ถ้ามีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอซึ่งน่าจะมีไข่ตกตรงตามที่คาดไว้ เมื่อตรวจหลังประจำเดือนขาดก็ควรให้ผลที่เชื่อถือได้เลยค่ะ

แต่ในทางปฏิบัติ หากมีปัจจัยต่าง ๆ มาทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน วันที่มีไข่ตกจริงก็อาจไม่ตรงตามที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้น ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ก็มีความเสี่ยงที่อสุจิจะผสมกับไข่และทำให้เกิดการตั้งครรภ์นะคะ

จึงแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ห่างจาก "วันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด" อย่างน้อย 14 วัน และใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้ามาตรวจ เพื่อให้มั่นใจว่า เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด จะหมายถึง ไม่มีการตั้งครรภ์จริง ๆ ไม่ใช่ว่ามีการตั้งครรภ์แต่ฮอร์โมนการตั้งครรภ์ยังไม่มากพอที่ชุดทดสอบจะตรวจวัดได้

ในกรณีของผู้ถาม จึงแนะนำว่า...

1. ถ้ายังไม่พร้อมที่จะมีบุตร และไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานใด ๆ อยู่ ต่อไปก็ควรให้แฟนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นะคะ

2. ถ้าไม่มีประจำเดือนมา และต้องการทราบแน่ชัดว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

3. ถ้าไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือถ้ามีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่เรื่อย ๆ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

นับจาก "วันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด" ค่ะ เช่น ถ้าผู้ถามมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดในวันนี้ (7 มีนาคม) ก็จะต้องตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะในอีก 14 วันถัดไป นั่นคือ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันที่ 21 มีนาคมนะคะ

และถ้าผู้ถามยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร เมื่อยังไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานใด ๆ เลย ก็ควรงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนค่ะ

เมื่อมีประจำเดือนมาแล้ว หรือถ้าตรวจการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องจนมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์จริง ๆ หากไม่ต้องการคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัย แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง, ปลอดภัย และเหมาะสมกับผู้ถามนะคะ