July 29, 2022 12:43

สวัสดีคุณหมอค่ะ พอดีว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีอาการเจ็บที่บริเวณข้างนิ้วโป้งของมือด้านขวา บวมแดงนิดหน่อย แค่เอามือไปโดนก็จะรู้สึกเจ็บค่ะ แต่บริเวณนี้เนื้อยังนิ่ม ไม่ได้มีหนองอะไร เราไม่แน่ใจว่าอาการอย่างนี้ใช่เล็บขบมั้ย (ปกติบางครั้งจะเป็นที่นิ้วเท้าค่ะ หยอดยาแดงตลอดสักพักอาการก็หายไป) พอมาเป็นที่นิ้วมือเราคงกังวลมาก ก็เลยเล่นไปงัดแงะด้านข้างของเล็บ พยายามเอากรรไกรตัดเล็บไปตัดตรงเล็บที่อยู่ด้านข้าง จนมันเริ่มอักเสบค่ะ เริ่มมีหนอง (สีใสๆ) มีออกมาเล็กน้อย คือเราก็ไปบีบมันด้วย จากนั้นเราก็เอาเบตาดีนโปะ ซึ่งคราวนี้หนองมันก็ออกมาเอง (เป็นสีเหลือง-ขาว) ออกมาเยอะกว่าคราวแรกค่ะ เราก็เลยไปหาหมอที่คลินิกใกล้บ้าน ซึ่งเราก็ได้ยาคลินดาแคปไปทาน วันละ 3 เม็ด ระยะเวลาทั้งหมด 5 วัน กับยาเจนทาไมซินมาทาที่บริเวณที่มีการอักเสบค่ะ 5 วันผ่านไปแผลก็ดีขึ้นมาก กดไม่เจ็บแล้ว ไม่มีหนองบวมแดงน้อยลงมาก เพียงแต่ดูจะยังไม่หายสนิทดี คือเนื้อยังมีส่วนที่นูนๆ แข็งๆ อยู่นิดหน่อยน่ะค่ะ เราก็ไปหาหมอเพื่อไปรับตัวยาคลินดาแคปมาทานเพิ่มต่อไปอีก 3 วัน จนตอนนี้ยาใกล้หมดแล้ว แผลก็ยังไม่ได้กลับไปเป็นปกติเหมือนนิ้วอื่นๆ ค่ะ เราเองก็ไม่อยากทานยาต่อแล้ว แต่ก็กลัวว่ามันจะอักเสบขึ้นมาอีกมั้ย กลัวว่าจะไม่หายขาดค่ะ ตรงนี้เราเลยไม่แน่ใจว่าจำเป็นที่ต้องทานยาต่อไปจนกว่าแผลจะยุบไปเลยหรือไม่ หรือสามารถปล่อยไว้แบบนี้ได้ รอให้ร่างกายค่อยๆ รักษาตัวเอง ประกอบกับทายาเจนทาไมซินไปด้วย ต้องรบกวนคุณหมอช่วยให้คำชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ (มีแนบรูปประกอบด้วยนะคะ จะมีรอยเหลืองๆ ของเบตาดีนติดอยู่ที่บริเวณเล็บเล็กน้อยค่ะ)

คำตอบที่คุณจะได้เป็นเพียงความเห็นจากแพทย์ ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค โปรดพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง มีเหตุฉุกเฉิน โทร. 1669