มีเพศสัมพันธ์ตอนเป็นประจำเดือนเเต่ใส่ถุงยางหลังจากมีเพศสัมพันธ์เสร็จมีเลือดไหลกระปิบกระปอยสักพัก ต่อมาก็มีเลือดไหลเหมือนประจำเดือนตามปกติได้ช่วงนึงเเล้วเลือดก็ไม่ไหลอีกเลยอยากทราบว่าจะท้องไหมเเละเลือดที่ไหลออกมาใช่ประจำเดือนไหม

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยแล้วถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ ส่วนเลือดที่ออกมาหลังจากที่เพิ่งหมดประจำเดือนไปจะไม่ใช่ประจำเดือนครับ เนื่องจากประจำเดือนที่เป็นปกตินั้นจะมาห่างกันอย่างสม่ำเสมอทุก 21-35 วัน และเลือดที่ออกมาผิดปกติระหว่างรอบเดือนในลักษณะนี้ก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- มีระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- มีการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ
- มีแผลในช่องคลอด
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- เนื้องอกมดลูก
เป็นต้น
ซึ่งถ้าหากเลือดที่ออกมานั้นออกมาในปริมาณมาก หยุดยาก ออกมาติดต่อกันหลายวัน หรือมีอาการเลือดออกผิดปกติเกิดขึ้นบ่อยๆ หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ

แต่ถ้าหากต้องการความมั่นใจจริงๆว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ หมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

หากสวมถุงยางตลอดการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีถุงยางฉีกขาดหรือหลุดออก ก้ไม่เสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ และในช่วงมีประจำเดือน เป็นช่วงไข่ฝ่อ จึงไม่มีการตกไข่ที่จะทำให้เกิดการปฏิสนธิกับอสุจิได้ครับ

เลือดที่ออกอาจเป็นเลือดประจำเดือน หรือ จากการบาดเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้ง สาเหตุอื่น เช่น เนื้องอกมดลูก เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ซีสต์ที่รังไข่ เป็นต้นครับ

หากเลือดยังไหลมาอีก ภายหลังประจำเดือนหมดไปแล้ว ควรมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นๆเพิ้มเติมครับ